ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว (Atrial Fibrillation) อาการ สาเหตุ การตรวจวินิจฉัยและการรักษา

ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว (AF)

ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว คือ ภาวะการเต้นของหัวใจสองห้องบนที่ผิดปกติ สั่นรัว และเต้นไม่สอดคล้องกับหัวใจสองห้องล่าง

แชร์

ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว

ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว คือ ภาวะการเต้นของหัวใจสองห้องบนที่ผิดปกติ สั่นรัว และเต้นไม่สอดคล้องกับหัวใจสองห้องล่าง ผู้ป่วยภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัวมักมีอาการใจสั่น และหายใจถี่ โดยอาการมักจะเกิดขึ้น หายไป และเกิดซ้ำได้อีกบ่อยครั้ง ก่อให้เกิดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดในหัวใจ ซึ่งนำไปสู่อาการอัมพฤกษ์ หรืออัมพาตได้ หากลิ่มเลือดนั้นหลุดเข้าไปในกระแสเลือด

อาการหัวใจห้องบนเต้นระรัว

ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัวนั้น อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว บ่อยครั้ง หรือถาวร ซึ่งอาการและการรักษาก็แปรผันไปตามความรุนแรงของภาวะของคนไข้แต่ละคน อาการทั่วไปที่พบในคนไข้ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัวได้แก่ อาการหายใจถี่ ใจสั่น และเวียนศีรษะ ทั้งนี้พบว่าคนไข้บางรายอาจไม่มีอาการใดใดปรากฎขึ้น และอาจไม่ทราบว่าตนมีภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว จนกว่าจะได้รับการวินิจฉัย หรือตรวจร่างกาย อย่างไรก็ดี หากพบว่ามีอาการเจ็บหน้าอก อาจเป็นการส่งสัญญาณเตือนของภาวะหัวใจวาย ควรพบแพทย์หรือติดต่อห้องฉุกเฉินโดยเร่งด่วน

เพื่อเป็นการป้องกัน ไม่ให้ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัวพัฒนาไปจนกระทั่งอยู่ในขั้นรุนแรง ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันทีเมื่อเกิดอาการข้างต้น เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยถึงความเป็นไปได้ของภาวะที่อาจเกิดขึ้น หรือความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจอื่น ๆ

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว

ความผิดปกติของอัตราการเต้นของหัวใจนี้ เกิดขึ้นจากเกิดความผิดปกติของสัญญาณไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นจากหัวใจสองห้องบน ( The Artial ) โดยผนังหัวใจสองห้องด้านบนนั้นบรรจุกลุ่มเซล์ที่ทำหน้าที่จุดกำเนิดคลื่นกระแสไฟฟ้าที่เรียกว่า sinus node ที่ทำหน้าที่ผลิตสัญญาณควบคุมการเต้นของหัวใจ การเคลื่อนไหวของสัญญาณนี้ถูกส่งผ่านหัวใจสองห้องบน ทำให้เกิดการบีบตัวและส่งเลือดไปยังหัวใจและร่างกาย หากคลื่นกระแสไฟฟ้านี้ทำงานผิดปกติ จะส่งผลให้ระบบของหัวใจเต้นเต้นเร็วผิดปกติ ซึ่งโดยปกติทั่วไป อัตราการเต้นของหัวใจจะอยู่ที่ 60 -100 ครั้งต่อนาที ในขณะที่การเต้นของหัวใจในคนไข้ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัวนั้น อาจสูงถึง 100 -175 ครั้งต่อนาที

ปัจจัยกระตุ้น ที่ก่อให้เกิดภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัวนั้นประกอบไปด้วย อายุ โรคหัวใจ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ประวัติการเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัว ภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะน้ำหนักตัวมากเกินปกติ  หรือภาวะเรื้อรังอื่นๆ

พบว่าผู้สูงอายุมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัวมากกว่าวัยอื่น ๆ และความเสี่ยงของภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว มีโอกาสสูงขึ้นในคนไข้โรคหัวใจ และภาวะเรื้อรังอื่นๆ เช่น ภาวะน้ำหนักตัวมากเกินปกติ ภาวะความดันโลหิตสูง คนไข้โรคเบาหวาน ไทรอยด์ และโรคไตเรื้อรัง โดยผู้ที่มีประวัติสมาชิกครอบครัวป่วยด้วยภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว ก็มีโอกาสเกิดของภาวะดังกล่าวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

การวินิจฉัยภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว

โดยทั่วไปแพทย์จะวินิจฉัยความเป็นไปได้ของการเกิดภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัวโดยการซักประวัติ รวมไปถึงประวัติการใช้ยา และการตรวจร่างกาย โดยการทดสอบเพื่อวินิจฉัยภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว ประกอบไปด้วย

  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ Electrocardiogram ( ECG )
    การทดสอบนี้ใช้เพื่อตรวจสอบการรับรู้ และบันทึกสัญญาณไฟฟ้าที่ส่งผ่านหัวใจ โดยอาศัยการติดเซ็นเซอร์ขนาดเล็กที่บริเวณหน้าอก และแขนทั้งสองข้าง 
  • การบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกพา หรือ Holter Monitoring
    การบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกพานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ โดยอาศัยเครื่อง ECG ที่มีขนาดเล็กที่สามารถพกพาได้ ในการสังเกตการณ์การเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง หรืออาจยาวนานกว่านั้น โดยวิธีการนี้ช่วยให้แพทย์สามารถสังเกตการณ์กิจกรรมของหัวใจในกรณีที่การเต้นของหัวใจอาจแสดงอาการผิดปกติระหว่างวัน
  • การบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกพา หรือ Event Recorder
    Event Recorder ทำหน้าที่เช่นเดียวกับ โดยการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกพาแบบ Holter Monitoring มุ่งเน้นที่การบันทึกการเต้นของหัวใจที่มีระยะเวลายาวนานหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน โดยคนไข้จะต้องทำการกดปุ่มเมื่อเกิดอาการใจเต้นเร็วร่วมด้วย เพื่อบันทึกความถี่และจำนวนครั้งที่ความผิดปกติเกิดขึ้น โดยวิธีการนี้ช่วยให้สามารถสังเกตการณ์อาการผิดปกติของการเต้นของหัวใจ รวมไปถึงความผิดปกติของจังหวะการเต้นที่ผิดแปลกไปด้วย
  • ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือ Echocardiogram
    ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ที่มักคุ้นหูในชื่อ การตรวจเอ็กโค (Echo) วิธีการนี้อาศัยคลื่นความถี่สูงจำลองภาพหัวใจ เพื่อแสดงความผิดปกติที่เกิดขึ้น รวมไปถึงรูปร่างของหัวใจ สภาพลิ้นหัวใจ และลิ่มเลือดที่อาจเกิดขึ้นอยู่ภายใน
  • การตรวจเลือด (Blood Test)
    การตรวจเลือดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาปัจจัยที่อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว เช่น ไทรอยด์ หรือสสารอื่นที่อยู่ในเลือด
  • การตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกาย หรือ Stress Test
    การทดสอบนี้ช่วยให้แพทย์สังเกตการณ์ และตรวจสอบปฏิกริยาตอบสนองที่ผิดปกติ ของหัวใจระหว่างการออกกำลังกาย
  • การเอ็กซ์เรย์ทรวงอก Chest X-ray
    การเอ็กซ์เรย์ทรวงอก มุ่งเน้นไปที่การหาความผิดปกติอื่น ๆ ในบริเวณ ปอดและหัวใจ เพื่อสืบหาปัจจัยที่อาจกระตุ้น หรือผลของความผิดปกติจากภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว


การรักษาภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว

การรักษาขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและระยะเวลาที่เกิดขึ้นของภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว โดยการรักษามีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ

  • การรีเซ็ท หรือควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ 
  • ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของภาวะสมองขาดเลือด (Stroke)

1. การรักษาเพื่อรีเซ็ทและควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ

เพื่อรีเซ็ทจังหวะการเต้นของหัวใจ สามารถกระทำได้โดยอาศัย วิธีการกระตุ้นกลับหัวใจ (Cardioversion) ซึ่งเป็นวิธีการที่นิยมใช้โดยทั่วไป โดยวิธีการจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงและระยะเวลาที่เกิดภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว ในแต่ละราย โดยมีวิธีหลักๆ 2 วิธี ได้แก่

  • การช็อคหัวใจด้วยไฟฟ้า (Electrical Cardioversion) กระแสไฟฟ้าจะถูกส่งไปยังหัวใจ ผ่านแผ่นที่ถูกติดไว้บนหน้าอกของคนไข้ โดยวิธีการนี้จะทำการหยุดกิจกรรมของหัวใจชั่วขณะ เพื่อรีเซ็ทระบบของหัวใจให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ คนไข้มักจะได้รับยานอนหลับ ( Sedative ) ก่อนการรักษา ทั้งนี้แพทย์อาจใช้ยาอื่นร่วมในการรักษา
  • การกระตุ้นกลับหัวใจโดยการใช้ยา (Cardioversion with Drug) ยารักษาการเต้นผิดจังหวะของหัวใจ (Antiarrhythmics) เป็นตัวเลือกในการฟื้นฟูหัวใจให้เต้นเป็นปกติ โดยให้ยาผ่านการรับประทาน หรือผ่านหลอดเลือดดำ โดยคนไข้จะต้องพักอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอัตราการเต้นของหัวใจหลังได้รับยา เพื่อประเมินการรักษาในขั้นต่อไป หากพบว่าการเต้นกลับสู่ภาวะปกติ แพทย์มักจะให้ยาชนิดเดียวกันหรือคล้ายกันกับตัวยาที่ให้ในครั้งแรก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัวขึ้นซ้ำอีก
    ก่อนการรักษาด้วยยารักษาการเต้นผิดจังหวะของหัวใจ คนไข้จำเป็นต้องให้ยาจำพวก ยาเจือจางเลือด (Blood-thinning Medications) และยาละลายลิ่มเลือด เพื่อป้องกันความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดที่อาจนำไปสู่ภาวะสมองขาดเลือด (Stroke) และควรให้ยาต่อไปอีกอย่างน้อย 1 เดือน ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ในการใช้ยาอย่างเคร่งครัด
  • การคงจังหวะการเต้นของหัวใจให้อยู่ในภาวะปกติ หลังการเข้ารับการรักษา เพื่อรีเซ็ทและควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจทั้งโดยการช็อคหัวใจด้วยไฟฟ้า (Electrical cardioversion) แพทย์อาจจ่ายยารักษาการเต้นผิดจังหวะของหัวใจ (Antiarrhythmics) บางชนิด เพื่อคงจังหวะการเต้นของหัวใจให้อยู่ในสภาวะปกติ ยกตัวอย่างเช่น
    • Amiodarone
    • Flecainide
    • Propafenone
    • Sotalol
    • Dofetilide

ชโดยยาดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิด อาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ และอ่อนเพลียได้ พบว่ายาข้างต้นอาจรบกวนการทำงานของหัวใจสองห้องล่าง (The Ventricle) ในคนไข้บางราย ซึ่งผลข้างเคียงนี้อาจก่อให้เกิดความรุนแรงของภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัวได้เช่นกัน

  • การควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ยาบางชนิดมีประสิทธิภาพในการควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจไม่ให้เร็ว ยกตัวอย่างเช่น
    • Digoxin ยาประเภทนี้ช่วยควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจในขณะพัก แพทย์อาจจ่ายยาจำพวก ยาต้านแคลเซียม (Calcium Channel Blockers) ร่วมด้วย
    • Beta blockers ยา Beta blockers ช่วยควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ทั้งในขณะพักและระหว่างการทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยผลข้างเคียงของยาอาจทำให้เกิดอาการความดันโลหิตต่ำ (Low blood pressure) และ ความดันโลหิตต่ำกว่าปกติ (Hypotension)
    • ยาต้านแคลเซียม (Calcium channel blockers) ยาต้านแคลเซียมมีฤทธิ์ในการควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ แต่ควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากก่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ หรือกระทั่งภาวะหัวใจล้มเหลวได้
  • การสวนหัวใจ (Catheter) หรือ การผ่าตัด (Surgical Procedures) ในกรณีที่อาการของภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัวไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ การสวนหัวใจ หรือ การผ่าตัด (Surgical Procedures) เป็นอีกทางเลือกในการรักษา ที่มุ่งเน้นไปที่การทำลายเนื้อเยื่อหัวใจส่วนที่ก่อให้เกิดความผิดปกติของสัญญาณไฟฟ้าหัวใจ เพื่อให้จังหวะการเต้นของหัวใจเข้าสู่สภาวะปกติ
    • การรักษาด้วยไฟฟ้าคลื่นความถี่สูงผ่านสายสวนหัวใจ (Catheter Ablation) วิธีการรักษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายเนื้อเยื่อหัวใจที่เป็นเหตุให้เกิดภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว โดยอาศัยคลื่นไฟฟ้าความถี่สูง (Radiofrequency Energy) ผ่านสายสวนทางหลอดเลือด เข้าสู่หัวใจ เพื่อทำลายเนื้อเยื่อต้นเหตุ และสร้างรอยแผลเป็นไว้ เพื่อช่วยให้จังหวะการเต้นของหัวใจกลับเข้าสู่สภาวะปกติ โดยการรักษานี้ ยังถูกใช้ในคนไข้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว หรือ ผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อยารักษาการเต้นผิดจังหวะของหัวใจ (Antiarrhythmics drugs) ได้อีกด้วย
    • การผ่าตัด (Maze Procedure) Maze Procedure คือวิธีการผ่าตัด ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายเนื้อเยื่อหัวใจส่วนที่เป็นสาเหตุของภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว โดยการผ่าตัดนี้กระทำโดยการผ่าเปิดหัวใจ เมื่อทำลายเนื้อเยื่อต้นเหตุแล้ว จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ซึ่งแผลเป็นนี้จะไม่นำไฟฟ้า และช่วยให้จังหวะการเต้นของหัวใจกลับเป็นปกต
      อย่างไรก็ดีการผ่าตัดนี้ใช้เพื่อรักษาคนไข้ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่นเท่านั้น เนื่องจากต้องทำการผ่าตัดเปิดหัวใจซึ่งมีความซับซ้อน โดยการผ่าตัดเพื่อสร้างเกิดรอยแผลเป็นนี้ ยังสามารถกระทำระหว่างการผ่าตัดเปิดหัวใจอื่น ๆ ได้ เช่น การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Bypass) 
    • การจี้หัวใจด้วยคลื่นวิทยุที่ AV node (Atrioventricular (AV) Node Ablation) การจี้หัวใจด้วยคลื่นวิทยุที่ AV node เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนไข้ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัวที่ไม่ตอบสนองกับการรักษาอื่น เนื้อเยื่อหัวใจต้นเหตุของภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัวจะถูกทำลายโดยการจี้ด้วยความถี่คลื่นวิทยุแล้วใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (A Pacemaker) เพื่อช่วยกระตุ้นให้หัวใจสองช่องล่างเต้นในจังหวะปกติ ภายหลังการรักษานี้ คนไข้จะต้องรับยาเจือจางเลือด (Blood-thinning Medications) เพื่อป้องกันการก่อตัวของลิ่มเลือด

2. การป้องกันการเกิดลิ่มเลือด

คนไข้ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว มีความเสี่ยงในการก่อตัวของลิ่มเลือดที่ก่อให้เกิดภาวะสมองขาดเลือดสูง และยิ่งมีความเสี่ยงสูงมากขึ้นหากคนไข้มีโรคหัวใจชนิดอื่นร่วมด้วย แพทย์จะจ่ายยาเพื่อป้องกันการก่อตัวของลิ่มเลือด โดยยาที่ใช้ แบ่งเป็นสองกลุ่มดังต่อไปนี้

  • กลุ่มยาละลายลิ่มเลือด (Anticoagulants)
    • Warfarin ยาละลายลิ่มเลือดชนิดรุนแรงนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือด โดยคนไข้ที่รับยาชนิดนี้ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และต้องได้รับการตรวจเลือดเพื่อติดตามผลของยาที่มีต่อเลือดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันอาการเลือดออกที่อาจเป็นอันตรายได้
    • Newer anticoagulants ยาละลายลิ่มเลือดชนิดนี้มักใช้ในคนไข้ภาวะหัวใจห้องบนเต้นระรัว เพื่อป้องกันภาวะสมองขาดเลือด   (Stroke) โดยยา Newer anticoagulants จะออกฤทธิ์สั้นกว่า Warfarin จึงไม่จำเป็นต้องตรวจเลือดเพื่อติดตามผลของการใช้ยา อย่างไรก็ตาม คนไข้ที่เคยเข้ารับการเปลี่ยนลิ้นหัวใจโลหะ ควรหลีกเลี่ยง หรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา


การใส่อุปกรณ์ปิดรยางค์หัวใจห้องบนซ้าย (Left atrial appendage closure)

วิธีการรักษาโดยการใส่อุปกรณ์ปิดรยางค์หัวใจห้องบนซ้าย (Left Atrial Appendage Closure) นั้น เป็นตัวเลือกสำหรับคนไข้ที่มีความเสี่ยงของการก่อตัวของลิ่มเลือดสูง หรือมีอาการเลือดออกง่าย โดยที่ไม่มีปัญหาที่ลิ้นหัวใจ และไม่สามารถใช้ยาละลายลิ่มเลือดได้

โดยขั้นเริ่มจากการใส่ท่อขนาดเล็กผ่านทางเส้นเลือดดำบริเวณต้นขา เพื่อใส่อุปกรณ์คล้ายร่มขนาดเล็ก (Appendage) เพื่อทำการปิดผนึกบริเวณรยางค์หัวใจห้องบนซ้าย (Left Atrial) และปล่อยให้เนื้อเยื่อห่อหุ้มอุปกรณ์ไว้เมื่อเวลาผ่านไป โดยวิธีการรักษานี้ช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือดและทดแทนการใช้ยาละลายลิ่มเลือดได้

เตรียมตัวก่อนพบแพทย์

ก่อนการนัดหมายคุณควรตระหนักถึงข้อจำกัดที่อาจต้องปฏิบัติก่อนการนัดหมาย และคุณอาจเตรียมข้อมูลบางอย่าง เช่น

  • อาการที่เกิดขึ้น
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญ
  • ยาทั้งหมดที่คุณกำลังใช้อยู่
  • คำถามที่คุณต้องการถามแพทย์

ในระหว่างการปรึกษา แพทย์อาจถามคำถามบางอย่างรวมถึงข้อมูล เช่น

  • จุดเริ่มต้นของอาการ
  • อาการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือเป็นครั้งคราว
  • ความรุนแรงของอาการ
  • สิ่งที่อาจทำให้อาการของคุณดีขึ้นหรือแย่ลง

เผยแพร่เมื่อ: 26 ต.ค. 2020

แชร์

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

  • Link to doctor
    MedPark Hospital Logo

    พญ. สุภาณี สินเพิ่มสุขสกุล

    • อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด
    อายุรศาสตร์โรคหัวใจ, โรคหัวใจล้มเหลว การวินิจฉัย การรักษาและการป้องกัน, Transplant Cardiology
  • Link to doctor
    นพ. ไพศาล บุญศิริคำชัย

    นพ. ไพศาล บุญศิริคำชัย

    • อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด
    • การตรวจทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ
    อายุรกรรมโรคหัวใจ, การตรวจวินิจฉัยทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ
  • Link to doctor
    MedPark Hospital Logo

    นพ. อนุรักษ์ เจียมอนุกูลกิจ

    • อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด
    • การสวนหัวใจและหลอดเลือด
    อายุรศาสตร์โรคหัวใจ, หัตถการปฏิบัติรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • Link to doctor
    พญ. ศนิศรา จันทรจำนง

    พญ. ศนิศรา จันทรจำนง

    • อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด
    • การตรวจทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ
    หัวใจเต้นผิดจังหวะ, การตรวจวินิจฉัยทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ, โรคความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, ผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ
  • Link to doctor
    นพ. กานต์ วิฑูรชาติ

    นพ. กานต์ วิฑูรชาติ

    • อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด
    • ภาพวินิจฉัยของระบบหัวใจและหลอดเลือดระดับขั้นสูง
    อายุรศาสตร์โรคหัวใจ, ภาพวินิจฉัยของระบบหัวใจและหลอดเลือดระดับขั้นสูง (Cardiac CT/MRI)
  • Link to doctor
    พญ. สุรีย์รัตน์ ปันยารชุน

    พญ. สุรีย์รัตน์ ปันยารชุน

    • อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด
    • การสวนหัวใจและหลอดเลือด
    อายุรศาสตร์โรคหัวใจ, โรคความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจล้มเหลว การวินิจฉัย การรักษาและการป้องกัน, การขยายหลอดเลือดหัวใจตีบด้วยบอลลูนและการดามขดลวด, โรคหัวใจแต่กำเนิด, การใช้อัลตราซาวน์ในเส้นเลือดหัวใจเพื่อช่วยการวินิจฉัยและรักษา, การใช้หุ่นยนต์ช่วยในการสวนหัวใจ ขยายหลอดเลือด และใส่ขดลวด, การลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินด้วยอากาศยาน
  • Link to doctor
    นพ. ชาติ วานิชสวัสดิ์

    นพ. ชาติ วานิชสวัสดิ์

    • อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด
    • การสวนหัวใจและหลอดเลือด
    • เวชศาสตร์นิวเคลียร์หัวใจ
    หัวใจเต้นผิดจังหวะ, โรคหัวใจและหลอดเลือด, การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด
  • Link to doctor
    MedPark Hospital Logo

    นพ. จักรพันธ์ ชัยพรหมประสิทธิ์

    • อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด
    • การสวนหัวใจและหลอดเลือด
    โรคหัวใจและหลอดเลือด, หัตถการปฏิบัติรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • Link to doctor
    นพ. วรวุฒิ รุ่งประดับวงศ์

    นพ. วรวุฒิ รุ่งประดับวงศ์

    • อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด
    • การตรวจทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ
    การตรวจวินิจฉัยทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ, อายุรศาสตร์โรคหัวใจ
  • Link to doctor
    พญ. ณหทัย ฉัตรสิงห์

    พญ. ณหทัย ฉัตรสิงห์

    • อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด
    โรคหัวใจและหลอดเลือด
  • Link to doctor
    พญ. ศิริพร อธิสกุล

    พญ. ศิริพร อธิสกุล

    • อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด
    • การสวนหัวใจและหลอดเลือด
    อายุรศาสตร์โรคหัวใจ, หัตถการปฏิบัติรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • Link to doctor
    พญ. ปิยนาฏ ปรียานนท์

    พญ. ปิยนาฏ ปรียานนท์

    • อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด
    • การสวนหัวใจและหลอดเลือด
    โรคความดันโลหิตสูง, โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบรุนแรง , การเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวน, โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ, โรคหลอดเลือดส่วนปลายบริเวณแขนขาตีบ, อายุรศาสตร์โรคหัวใจ, การทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ