การจัดฟันแบบโลหะและการจัดฟันด้านใน

ทันตกรรมจัดฟัน

การจัดฟันจึงเป็นการรักษาที่ช่วยให้มีสุขภาพฟันที่ดี อีกทั้งช่วยเสริมสร้างความมั่นใจจากฟันที่เรียงตัวอย่างสวยงาม ยังช่วยลดปัญหาการเกิดฟันผุ หรือการเกิดเหงือกอักเสบด้วย

แชร์

การจัดฟันคืออะไร?

หากต้องการเสริมสร้างความมั่นใจและบุคลิกภาพ การดูแลสุขภาพฟันและช่องปากนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ปัญหาฟันที่พบได้ทั่วไปคือ ฟันซ้อนเก รูปร่างฟันเรียงตัวไม่สวย ฟันมีลักษณะซี่ห่าง เป็นต้น ดังนั้นไม่ว่าจะการจัดฟันแบบโลหะ จัดฟันด้านในหรือการจัดฟันแบบใส Invisalign เป็นการรักษาที่นิยมเพราะนอกจากจะช่วยให้มีสุขภาพฟันที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจจากฟันที่เรียงตัวอย่างสวยงาม การจัดฟันจะช่วยส่งผลให้มีการสบฟันที่ดี เคี้ยวอาหารได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้แปรงฟันได้สะอาดยิ่งขึ้น ลดปัญหาการเกิดฟันผุ หรือการเกิดเหงือกอักเสบ


การจัดฟันมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร

การจัดฟันสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้  

  1. การจัดฟันด้วยเครื่องมือชนิดติดแน่นได้แก่

  • เครื่องมือชนิดโลหะ (Metal braces)

    เป็นการจัดฟันแบบทั่วไป การจัดฟันชนิดนี้ใช้เครื่องมือที่เป็นชิ้นโลหะที่มาพร้อมกับยางรัดฟันหลายสี คนไข้สามารถเลือกเปลี่ยนสียางได้ตามความชอบ ทันตแพทย์จะทำการนัดคนไข้เดือนละหนึ่งครั้งเพื่อเปลี่ยนยางและป้องกันการเสื่อมสภาพของยางรัดฟัน

    นอกจากนี้ยังมีการจัดฟันอีกประเภทหนึ่งคือการจัดฟันด้านในแบบไม่เห็นเครื่องมือ (STb Lingual braces) เป็นการติดชิ้นโลหะและเครื่องมือด้านหลังของฟัน ซึ่งทำให้สังเกตได้ยากว่าติดเครื่องมืออยู่ แต่การจัดฟันด้านในแบบนี้จำเป็นต้องทำการรักษาโดยทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญการจัดฟันด้านในโดยเฉพาะ

  • เครื่องมือแบบสีเหมือนฟัน (Ceramic braces)

    เป็นการจัดฟันที่คล้ายกับการจัดแบบโลหะ แต่การจัดฟันชนิดนี้จะใช้เครื่องมือชิ้นงานเซรามิกที่มีสีเดียวกับฟัน
  • เครื่องมือประเภทที่ไม่มียางรัดฟัน (Self-ligate) 

    หรืออีกชื่อที่รู้จักโดยทั่วไปว่า Damon เป็นการจัดฟันที่ใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กกว่าการจัดฟันแบบโลหะ เครื่องมือนี้มีกลไกเฉพาะที่ทำให้สามารถล็อคลวดได้ทันทีทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ยางรัดฟัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมความยืดหยุ่นที่ช่วยลดแรงเสียดทานได้มากกว่าการจัดฟันแบบโลหะ


       2.
การจัดฟันด้วยเครื่องมือชนิดถอดได้แบบใส หรืออินวิซาไลน์ (Invisalign)

เป็นนวัตกรรมการจัดฟันที่ทันสมัยและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เป็นการจัดฟันที่ช่วยแก้ไขปัญหาการจัดฟันแบบโลหะที่สามารถสังเกตเห็นเครื่องมือได้อย่างชัดเจน ดังนั้นการจัดฟันแบบใส (Invisalign)ช่วยทำให้คนไข้รู้สึกมั่นใจในการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น เพราะการจัดฟันมีความใสทำให้ไม่เห็นเครื่องมือในการจัดฟัน การจัดฟันแบบอินวิซาไลน์ใช้การวางแผนการรักษาด้วยคอมพิวเตอร์ 3D เพื่อแสดงการเคลื่อนฟันให้เห็นเป็นขั้นตอน ทันตแพทย์จะแจ้งแผนการรักษาการปรับฟันให้แก่คนไข้ตั้งแต่กระบวณการเริ่มจัดฟันจนเสร็จสิ้นการรักษา

การจัดฟันประเภทนี้จะใช้เวลาทำรวดเร็วกว่าการจัดฟันแบบทั่วไปประมาณ 30% นอกจากนี้ยังมีข้อดีคือช่วยดการเกิดแผลในช่องปากหรือลวดทิ่มแก้ม เป็นต้น การใช้เครื่องมือแต่ละชนิดสามารถแบ่งตามความเหมาะสมและความซับซ้อนของแต่ละกรณี ดังต่อไปนี้

  • Invisalign Express: ใช้เครื่องมือจัดฟัน 7 ชิ้น
  • Invisalign Lite: ใช้เครื่องมือจัดฟัน 7-14 ชิ้น
  • Invisalign Moderate: ใช้เครื่องมือจัดฟัน 14-26 ชิ้น
  • Invisalign Comprehensive: ใช้เครื่องมือจัดฟันจำนวนมากกว่า 26 ชิ้น

 

ข้อดีของการจัดฟัน 

  1. เสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดีขึ้น ทำให้มีรอยยิ้มที่สวยงามและเสริมความมั่นใจ
  2. การทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ลดการเกิดกลิ่นปาก
  3. เคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น เนื่องจากประสิทธิภาพการสบฟันดีขึ้นกว่าเดิม
  4. ฟันที่เรียงตัวอย่างมีระเบียบทำให้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายดายขึ้น ลดการเกิดฟันผุ และทำให้สุขภาพปากและฟันดียิ่งขึ้น
  5. ช่วยปรับโครงสร้างรูปหน้าให้เข้ารูป และเกิดสมดุลใบหน้าที่ดีขึ้น
  6. การจัดฟันจะช่วยให้คนไข้ที่มีปัญหาเรื่องการสบฟันสามารถพูดออกเสียงได้ถูกต้องและชัดเจนโดยเฉพาะเสียงอักษร “ส” 


ข้อเสียของการจัดฟัน
 

  1. ในบางครั้งจำเป็นต้องมีการถอนฟันที่มีสุขภาพดี เพื่อให้กระบวณการการจัดฟันมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
  2. การทำความสะอาดฟันจะสามารถทำได้ยากขึ้นในขณะกำลังจัดฟัน และอาจก่อให้เกิดฟันผุและทำให้มีกลิ่นปากได้
  3. ส่งผลให้พูดหรือออกเสียงไม่ชัดเจน เพราะถูกรั้งด้วยเครื่องมือจัดฟัน
  4. จำเป็นต้องดูแลภาพลักษณ์หลังการรับประทานอาหาร เพราะเครื่องมืออาจมีเศษอาหารติดได้ 
  5. อาจเกิดอาการเสียวฟัน หรือปวดเล็กน้อยเกิดจากการที่ฟันขยับตามแรงดึงยางของเครื่องมือ
  6. จำเป็นต้องใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของแพทย์หลังการจัดฟันสิ้นสุดแล้ว หากไม่ปฏิบัติตามจะส่งผลให้ฟันเกิดการเคลื่อนที่ และอาจจำเป็นต้องได้รับการจัดฟันอีกครั้ง

 

ขั้นตอนของการจัดฟันแบบโลหะ

  1. นัดหมายทันตแพทย์

    ทำการนัดหมายเพื่อพบกับทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน หลังจากนั้นทันตแพทย์จะทำการแจ้งข้อมูลรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับการจัดฟันเพื่อให้คนไข้พิจารณาและทำการตัดสินใจเรื่องการรับการรักษาจัดฟัน
  1. ประเมินการรักษา

    ทันตแพทย์เฉพาะทางจะประเมินการรักษาด้วยการตรวจสภาพฟัน ลักษณะฟัน สุขภาพช่องปาก รวมทั้ง X-ray เพื่อตรวจสอบความสมดุลของใบหน้า ขากรรไกรและมวลกระดูกในการรองรับการปรับฟัน รวมทั้งทำการพิมพ์ฟัน เมื่อประเมินครบถ้วนจะมีการส่งตรวจเพื่อทำการเคลียร์ช่องปากก่อนที่จะเริ่มจัดฟัน และทันตแพทย์จะทำการแนะนำชนิดเครื่องมือให้คนไข้ในแบบที่เหมาะสมกับตัวคนไข้
  1. ติดเครื่องมือจัดฟัน

    หลังจากทันตแพทย์ทำการเคลียร์ช่องปากเรียบร้อยแล้วจะนัดคนไข้อีกครั้งเพื่อมาติดเครื่องมือจัดฟัน หรืออีกกรณีคือเริ่มขั้นตอนของการจัดฟันแบบใสต่อไป
  1. ปรับเครื่องมือจัดฟัน

    หลังจากนั้นทันตแพทย์จะนัดคนไข้มาพบเพื่อปรับเครื่องมือ ระยะเวลาที่คนไข้จำเป็นต้องพบทันตแพทย์จะแตกต่างกันตามชนิดของเครื่องมือ ยกตัวเช่นการจัดฟันแบบโลหะ ทันตแพทย์จะทำการนัดปรับเครื่องมือทุก 4-6 สัปดาห์ การจัดฟันแบบ Damon จะนัดปรับเครื่องมือทุก 6-8 สัปดาห์ สำหรับการจัดฟันแบบ Invisalign ทันตแพทย์จะนัดตรวจดูการใส่ชิ้นงานทุกๆ 2-3 เดือน ความถี่ของการนัดขึ้นอยู่กับการเคลื่อนของฟันในแต่ละบุคคล
  1. ถอดเครื่องมือจัดฟัน

    หลังจากการจัดฟันแบบโลหะเสร็จเรียบร้อย ทันตแพทย์จะทำการถอดเครื่องมือฟันออก คนไข้จำเป็นต้องใส่รีเทนเนอร์ต่อเนื่องและปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยระยะเวลาการใส่รีเทนเนอร์จะขึ้นอยู่กับลักษณะฟันของแต่ละบุคคล

ขั้นตอนการจัดฟันแบบโลหะและจัดฟันด้านใน
การดูแลรักษาสุขภาพฟัน ระหว่างการจัดฟัน

การดูแลสุขภาพฟันระหว่างการจัดฟันเป็นสิ่งสำคัญในการจัดฟันอย่างมาก เพราะการใส่เครื่องมือจัดฟันสามารถส่งผให้เกิดฟันผุและเหงือกอักเสบอันเกิดจากคราบแบคทีเรียที่เกาะอยู่ที่เครื่องจัดฟัน ดังนั้นคนไข้จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ในการดูแลสุขภาพฟัน ดังต่อไปนี้

  1. รักษาความสะอาดของช่องปาก

    ควรแปรงฟันหลังจากการรับประทานอาหารอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หากเป็นไปได้ควรแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร เนื่องจากการติดเครื่องมือจัดฟันจะทำให้มีเศษอาหารติดที่ซอกฟันได้ตลอดเวลา
  1. เลือกใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม

    คนไข้ควรใช้แปรงสีฟันสำหรับการจัดฟัน แปรงซอกฟันหรือไหมขัดฟัน รวมทั้งน้ำยาบ้วนปากตามคำแนะนำของทันตแพทย์ หากคนไข้ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ในการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างเคร่งครัด จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุได้
  1. พบทันตแพทย์เป็นประจำ

    ควรนัดพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอและตามนัดทุกครั้ง นอกจากการนัดเพื่อตรวจดูปรับเครื่องมือแล้ว ทันตแพทย์จะคอยช่วยตรวจดูคราบหินปูนหรือสุขภาพช่องปากอื่นๆได้อีกด้วย
  1. แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมกับแพทย์

    หากคนไข้เล่นกีฬาควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบ เพื่อที่ทันตแพทย์จะได้เตรียมอุปกรณ์ใส่กันกระแทกไว้ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขณะที่ใส่เครื่องมือจัดฟันอยู่ อาจก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บแก่คนไข้มากกว่าปกติ
  1. ระวังการรับประทานอาหาร

    คนไข้ควรหลีกเลี่ยงการกัดเคี้ยวอาหารที่มีลักษณะแข็งหรือเหนียว และควรแบ่งอาหารให้พอดีคำ ไม่ควรใช้ฟันกัดเพื่อแบ่งอาหาร
  1. ทานยาแก้ปวด

    หากเกิดอาการปวดระหว่างการจัดฟัน โดยอาการปวดอาจเกิดในช่วงที่ทำการติดเครื่องมือหรือปรับเครื่องมือครั้งแรก คนไข้สามารถทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดได้
  2. ทายาหรือขี้ผึ้งป้องกัน

     หากมีแผลหรือเกิดการระคายเคืองจากเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะหรือลวดทิ่มเมื่อมีการปรับเคลื่อนของฟัน คนไข้สามารถใช้ขี้ผึ้งสำหรับการจัดฟันปิดทับบริเวณที่ระคายเคือง และควรแจ้งทางทันตแพทย์ให้ทราบในการนัดหมายครั้งต่อไป

เผยแพร่เมื่อ: 22 ก.พ. 2021

แชร์