ประสบการณ์ต่อสู้ มะเร็งเต้านม ในวัย 74 ปี
และรับมือกับก้อนเนื้อในสมอง
“หมอตรวจหมดทุกอย่างแต่ไม่มีอะไร
ยกเว้นจุดเล็ก ๆ ที่สมอง ขนาดเท่าหัวไม้ขีด
หมอบอกว่ามันมีสิทธิ์ที่จะโตได้ ถ้ามันเป็นเนื้อไม่ดี
แล้ววันหนึ่งจู่ ๆ เขาก็ล้มหัวฟาดฟื้น”
มะเร็งเต้านม รู้ตัวเร็ว รักษาทัน
ในห้องเคมีบำบัด โรงพยาบาลเมดพาร์ค เราได้พูดคุยกับคุณ คนึงนิจ การิกาญจน์ วัย 74 ปี และคุณอนุชิต น้องชายที่คอยเฝ้าอยู่เคียงข้าง ประคับประคองพาพี่สาวมาพบคุณหมอ ทั้งในวันที่เธอรู้สึกตัว และไม่รู้สึกตัว
ย้อนไปเมื่อช่วงปี 2564 คุณคนึงนิจบังเอิญคลำเจอก้อนขนาดเล็กบริเวณเต้านมข้างซ้าย และสังเกตเห็นมีน้ำไหลซึมออกมา จึงไปตรวจและทราบว่าตนเองเป็น มะเร็งเต้านม จึงรีบทำการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดโดยเร็วที่สุด หลังจากผ่าตัดก้อนเนื้อออกไปแล้ว คุณหมอพบว่ายังมีส่วนที่หลงเหลืออยู่บริเวณใกล้กับต่อมน้ำเหลือง จึงส่งตัวคุณคนึงนิจไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลที่มีผู้ชำนาญการด้านมะเร็งโดยเฉพาะ ซึ่งที่นั่นได้ให้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดตามขั้นตอน
ต่อมาไม่นาน คุณอนุชิต เริ่มสังเกตเห็นว่าคุณคนึงนิจมีอาการเดินเซบ่อย ๆ จนบางครั้งถึงกับล้มลงไปกับพื้น ศีรษะปูดโน ประกอบกับความดันขึ้นด้วย จึงทำให้แผลที่ศีรษะปริจนเลือดออกมาก
“ป้าเขาเคยวูบล้มแล้วทางโรงพยาบาลก็ให้เลือด นอนอยู่คืนนึงก็กลับ ยังไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แล้วป้าก็มาล้มอีก จนกระดูกข้อต่อ ข้อศอกมันเคลื่อนหลุด สะโพกหัก ทีนี้จากที่ลุกเดินได้ก็กลายเป็นเดินไม่ได้”
หลังจากตรวจเช็กอาการ คุณหมอแจ้งว่าจะต้องสวนหัวใจ เนื่องจากผลเลือดออกมาบ่งชี้ว่ามีการตีบของเส้นเลือด คุณอนุชิตยังไม่ตัดสินใจในครานั้น เพราะต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อน จึงโทรไปปรึกษากับคุณหมอโรงพยาบาลมหาชัย ซึ่งได้รับคำแนะนำให้ส่งตัวมารักษาที่นั่นแทน จากผลการตรวจวินิจฉัยทำให้ทราบว่า การทำเคมีบำบัดส่งผลให้เลือดหนืดข้น คุณหมอได้แนะนำวิธีการรักษาสองแบบให้เลือก คือฉีดยาเข้าหน้าท้อง ซึ่งคนไข้ต้องฉีดเองกับทานยา คุณคนึงนิจเลือกทานยาตามที่คุณหมอให้ แต่ยังหน้ามืดอยู่อีก
“หมอตรวจหมดทุกอย่างแต่ไม่มีอะไร ยกเว้นจุดเล็ก ๆ ที่สมองขนาดเท่าหัวไม้ขีด หมอบอกว่ามันมีสิทธิ์ที่จะโตได้ ถ้ามันเป็นเนื้อไม่ดี แต่ตอนนี้มันยังไม่มีผลอะไรก็เลยรักษาด้วยการกินยาอยู่พักนึง แล้ววันหนึงจู่ ๆ เขาก็ล้มหัวฟาดฟื้น เราก็ตกใจ รีบพาไปโรงพยาบาล คุณหมอแนะนำให้ปรึกษากับคุณหมอสุดปรีดา ที่โรงพยาบาลเมดพาร์ค”
ก้อนเนื้อในสมอง เติบโตเร็วเกินคาด
นพ.สุดปรีดา ชัยนิธิกรรณ ร่วมกับทีมแพทย์ ตรวจสอบผลสแกนจากโรงพยาบาลมหาชัยแล้ว ได้ขออนุญาตทำสแกนซ้ำอีกครั้ง ปรากฎว่าพบว่าก้อนเนื้อจุดเดิมนั้นมีขนาดโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงให้การรักษาด้วยการฉายแสง ซึ่งพอฉายแสงวันแรก จากที่คุณคนึงนิจเดินไม่ค่อยได้ กลับลุกขึ้นมาเดินได้สบาย ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นอย่างน่าพอใจ แต่แล้วเวลาผ่านไปไม่นาน คุณคนึงนิจต้องกลับมาโรงพยาบาลอีกครั้ง ด้วยอาการวิกฤติ
“ตอนนั้นอาการเหมือนน็อกไปเลย เนื่องจากร่างกายขับยาออกไปได้ไม่หมด มันยังมีตกค้างอยู่ ทีนี้พอให้ยาเพิ่มเข้าไป ปริมาณยามันก็ยิ่งมาก สุดท้ายก็โอเวอร์โดส แต่หมอก็ช่วยได้ทันเวลา”
หลังจากติดตามอาการอยู่ประมาณ 1 ปีครึ่ง คุณหมอไม่พบเซลล์มะเร็งเพิ่มจึงตัดสินใจขยายเวลาในการมาสแกนสมอง จากทุก 3 เดือน เป็นทุก 6 เดือน แต่ปรากฎว่าพอเข้าสู่เดือนที่ 5 กลับมีก้อนเนื้อขึ้นมาบริเวณสมองอีก ซึ่งคุณอนุชิตเองได้สังเกตเห็นอาการผิดปกติ และแจ้งกับคุณหมออย่างละเอียด
“ป้าเริ่มทรงตัวไม่ค่อยได้ เหมือนร่างกายซีกนึงมีปัญหา จะพลิกตัวจะลุกอะไรไม่ค่อยได้ ตอนแรกเราก็นึกว่ากล้ามเนื้ออ่อนแรง เพราะบางทีเดิน ๆ แล้วขาเขาก็ทรุดลงไป ไม่มีแรงยกขา คุณหมอสุดปรีดาก็ตรวจกล้ามเนื้ออะไรมันก็ปกติ เลยสั่งเอกซเรย์ สแกนอีกที ไปเจอก้อนที่สมอง รอบนี้ก็มี 2 ข้างทั้งขมับซ้ายขวา”
คุณอนุชิตเล่าอาการของพี่สาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง และอยากฝากถึงญาติ ๆ ของผู้ป่วยมะเร็งว่า สิ่งสำคัญคือ ต้องเอาใจใส่ สังเกตอาการ เก็บข้อมูลให้ละเอียด เพื่อช่วยในการวินิจฉัยหรือประเมินอาการได้เร็วยิ่งขึ้น จากวันแรกของการมารักษาที่โรงพยาบาลเมดพาร์คจนถึงวันนี้ คุณคนึงนิจยังมีกำลังใจที่ดีเยี่ยมจากน้องชายที่ดูแลเป็นอย่างดี และอยากฝากถึงทุกคนที่เริ่มป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ เพราะว่ามะเร็งเต้านมรักษาหายได้ อย่างเช่นป้าเอง ปัจจุบันป้าก็หายแล้วนะ ส่วนที่สมองนี้ก็ยังต้องให้คีโมอยู่ ใครเป็นมะเร็งไม่ต้องกลัวค่ะ ป้ายังรักษาได้เลย คนอื่น ๆ ก็รักษาได้เหมือนกัน” คุณคนึงนิจกล่าวทิ้งท้าย
เดินเซบ่อย อาจเป็นสัญญาณเตือน เนื้องอกในสมอง
เนื้องอกของสมอง อาจแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ เนื้องอกชนิดที่ไม่ร้ายแรง และเนื้องอกร้ายแรงหรือมะเร็ง ซึ่งในกรณีที่เป็นเนื้องอกร้ายแรงนั้น จะแบ่งเป็นสองกลุ่มด้วยกันคือ กลุ่มที่เกิดขึ้นในสมอง กับ กลุ่มที่แพร่มาจากที่อื่น เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด
สาเหตุของเนื้องอกในสมอง เกิดจากเซลล์ในสมองเกิดการกลายพันธุ์ แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีป้องกันได้ แต่สามารถสังเกตอาการผิดปกติได้ตั้งแต่ในระยะที่เนื้องอกนั้นยังมีขนาดเล็กอยู่ เช่น เดินเซ แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก อาการชาครึ่งซีก ทรงตัวไม่ดี ชักกระตุก งุนงง ปวดศีรษะเรื้อรัง คลื่นไส้อาเจียน มองเห็นภาพซ้อน หากมีอาการของโรคนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาทันที
การรักษาโรคมะเร็งสมอง
การรักษาเนื้องอกในสมอง หรือมะเร็งสมอง ส่วนมากจะใช้วิธีผ่าตัดเอาเนื้องอกออก แต่ในคนไข้บางรายมีก้อนเนื้องอกอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญของสมอง จึงทำให้ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือบางรายมีก้อนเนื้องอกอยู่เป็นจำนวนมาก จนไม่สามารถผ่าตัดออกได้หมด ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น แพทย์จะแนะนำการรักษาอื่น เช่น การฉายแสง หรือการให้ยา ซึ่งจะพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมโดยดูจากชนิดของก้อนเนื้อ ขนาด ตําแหน่ง รวมไปถึง อายุ และสุขภาพของคนไข้เองด้วย
นพ. สุดปรีดา ชัยนิธิกรรณ แพทย์เฉพาะทางด้านวินิจฉัยและวางแผนการรักษาโรคมะเร็ง เล่าถึงอาการของคุณคนึงนิจเพิ่มเติมว่า
“คุณคนึงนิจถือเป็นคนไข้มะเร็ง เคสแรกของโรงพยาบาลเมดพาร์คเลยนะครับ ซึ่งวันแรกที่มาถึงคือคนไข้มีอาการวูบ หมดสติ อาการค่อนข้างน่ากังวล จากการตรวจสอบประวัติที่เคยรักษามะเร็งเต้านมมาก่อน และคนไข้มีอาการเซบ่อย ๆ ทำให้คาดเดาไว้ว่าน่าจะมีความผิดปกติที่สมอง จึงได้ตรวจอย่างละเอียด สิ่งที่น่าตกใจก็คือ ก้อนเนื้อที่สแกนนั้นมีขนาดใหญ่กว่าในภาพสแกนก่อนหน้า มันโตขึ้นเร็วมากในช่วงระยะเวลาไม่นาน”
เคสนี้คุณหมอได้ทำการรักษาโดยการฉายแสง แล้วให้ยาเคมีบําบัด นอกจากนี้ยังให้มีนักกายภาพบําบัดช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขนขา และมีการตรวจติดตามผล เพื่อตรวจดูว่ามีก้อนเนื้อเพิ่มขึ้นมาอีกหรือไม่
“ปกติถ้ามะเร็งกระจายไปที่สมองแล้ว ถ้าคนไข้ไม่ตัดสินใจที่จะรักษา เขาก็มีโอกาสที่จะอยู่ต่อได้ไม่นาน แต่ถ้ารักษาติดตามอาการอย่างดี ก็ไม่ต้องกังวล อย่างคุณคนึงนิจก็อยู่มานานเข้าปีที่สามแล้วซึ่งถือว่าได้ผลดีเกินคาดหมายมาก นั่นเพราะเขาไม่ทิ้งโอกาสที่จะรักษาตั้งแต่แรก”
รับคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรคเนื้องอกในสมอง ได้ที่
ศูนย์อายุรศาสตร์โรคมะเร็ง และโลหิตวิทยา ชั้น 3 เคาน์เตอร์ A (WEST Lift)
โทร. 02-090-3124 เวลา 8:00 - 20:00 น.
