ชามือ ชาเท้า จุดเริ่มต้นของโรคเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบ
อาการชา หรืออาการรับความรู้สึกผิดปกติ อาจหมายรวมถึงอาการที่เราเสียการรับรู้ความเจ็บปวด ความรู้สึกร้อน เย็น และการสัมผัสหรือการสั่นสะเทือน ซึ่งอาจมีอาการมากน้อยแตกต่างกันแล้วแต่บุคคล อาการดังกล่าวพบได้มากในช่วงวัยทำงานถึงวัยผู้สูงอายุ ท่าทางในชีวิตประจำวัน พฤติกรรมการรับประทานอาหาร โรคประจำตัว หรือพันธุกรรมของแต่ละบุคคลล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความผิดปกติของการรับรู้ความรู้สึก การเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกเพื่อค้นหาสาเหตุ จะป้องกันไม่ให้อาการเป็นมากขึ้น ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามลำดับ
อาการแสดงที่มากกว่าอาการชา
โดยทั่วไปอาการชาจากโรคของเส้นประสาทอาจแสดงอาการได้หลายแบบ
- อาการรับความรู้สึกผิดปกติ บางกรณีผู้ป่วยอาจแจ้งอาการชา ไม่รู้สึกถึงการจับสัมผัส หรือไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิร้อนเย็น บางรายมีปัญหาการทรงตัวเดินลำบาก ในขณะที่ในทางตรงกันข้ามกันบางรายอาจแสดงอาการไวผิดปกติของเส้นประสาท เช่น รู้สึกคล้ายไฟช็อต รู้สึกเจ็บปวดมากกว่าปกติเมื่อได้รับการสัมผัสหรือการกระตุ้น ตำแหน่งที่เกิดอาการมีความแตกต่างกันไป เช่น ที่มือ แขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่ง หรืออาจพบได้ที่ปลายแขนและขาทั้งสองข้าง อาการดังกล่าวอาจมีลักษณะเป็นๆหายๆ ในช่วงเริ่มต้นและพัฒนาไปจนมีอาการค้างอยู่ตลอด บางรายอาจเริ่มมีอาการที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งแล้วลุกลามไปสู่ตำแหน่งอื่น
- อาการอ่อนแรง อาจพบอาการอ่อนแรงร่วมกับอาการชาในตำแหน่งเดียวกัน บางรายมีอาการปวดเจ็บกล้ามเนื้อร่วมด้วย
- อาการของระบบประสาทอัตโนมัติ อาการที่พบได้ เช่น เหงื่อออกผิดปกติ หรือ มีอาการหน้ามืดเวลาเปลี่ยนท่าทาง หรือระบบย่อยอาหารทำงานไม่ดี ท้องอืด ท้องผูก
ควรพบแพทย์เมื่อไร
หากมีอาการของการรับความรู้สึกน้อย (ชา) หรือมากกว่าปกติ (เจ็บ) มีอาการอ่อนแรง หรือมีปัญหาการทรงตัวลำบาก ควรพบแพทย์เพื่อรับการประเมินและตรวจวินิจฉัย
สาเหตุตามลักษณะอาการแสดงของโรคเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบ
1. ผู้ป่วยที่มีอาการชาของแขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่ง
ผู้ป่วยที่มีอาการชาของแขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่ง อาจเป็นอาการแสดงของโรคตั้งแต่ระดับเส้นประสาท แขนงประสาท รากประสาท และปมประสาทรับความรู้สึก ตัวอย่างสาเหตุที่พบ เช่น การกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ (Carpal tunnel syndrome) จากการใช้งาน การกดทับของเส้นประสาทบริเวณขา (Peroneal entrapment) จากการนั่งไขว่ห้างหรือนั่งขัดสมาธิ ภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับรากเส้นประสาท และการอักเสบหรือการติดเชื้อของแขนงประสาทและปมประสาท เป็นต้น
นอกจากนี้หากเกิดอาการเริ่มต้นที่แขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่งหลายตำแหน่งพร้อมกัน อาจพบในภาวะเส้นประสาทอักเสบจากการขาดเลือด (ischemia) จากโรคทางกาย เช่น โรคภูมิคุ้มกัน SLE โรค rheumatoid หรือการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
2. ผู้ป่วยที่มีอาการชาส่วนปลายของแขนและขาทั้งสองข้าง
ผู้ป่วยที่มีอาการชาส่วนปลายของแขนและขาทั้งสองข้าง ในผู้ป่วยบางรายหากมีอาการเป็นมากขึ้นจะพบอาการชาบริเวณหน้าอกและกลางหลังร่วมด้วย หากเกิดอาการเฉียบพลันภายใน 4 สัปดาห์ มักพบในโรคของเส้นประสาทอักเสบ Guillain-Barré syndrome หากอาการเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไปเป็นระยะเวลานานกว่า 8 สัปดาห์ สามารถบ่งบอกภาวะปลายเส้นประสาทอักเสบที่อาจเกิดจาก โรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ โรคเบาหวาน ภาวะไทรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติ โรคกลุ่ม Paraproteinemia การขาดวิตามิน และการได้รับยาเคมีบำบัด เป็นต้น
การตรวจวินิจฉัยภาวะเส้นประสาทอักเสบทำได้อย่างไรบ้าง
การตรวจวินิจฉัยภาวะเส้นประสาทอักเสบจะเริ่มต้นด้วยการซักประวัติ ตรวจร่างกายทางระบบประสาทเพื่อประเมินโดยแพทย์ การตรวจเบื้องต้นจะมีการทดสอบการรับความรู้สึกในแบบต่างๆ เช่น การทดสอบความรู้สึกร้อนเย็น การทดสอบการรับรู้ความสั่นสะเทือน ร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการเบื้องต้นโดยการตรวจทางไฟฟ้าของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ จะเรียกวิธีการนี้ว่า Electrodiagnostic test แบ่งเป็นการตรวจการทำงานของเส้นประสาท Nerve conduction study (NCS) และการตรวจไฟฟ้ากล้ามเนื้อ Electromyography (EMG) การตรวจนี้สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรค บ่งบอกพยาธิสภาพและตำแหน่งของเส้นประสาทที่ผิดปกติ รวมทั้งยังสามารถใช้ติดตามอาการของเส้นประสาทอักเสบได้ ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการตรวจแบบผู้ป่วยนอก โดยใช้เวลาในการตรวจประมาณ 30 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง ทั้งนี้ภายหลังการตรวจจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์เชื่อมโยงผลการทำงานของเส้นประสาท ผลทางไฟฟ้ากล้ามเนื้อและอาการแสดง เพื่อประกอบการวินิจฉัยและนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสมต่อไป
บทความโดย
พญ.มนัสวรรณ์ สันทนานุการ
แพทย์ผู้ชำนาญการด้านประสาทวิทยา
เฉพาะทางด้านประสาทวิทยาโรคกล้ามเนื้อและเส้นประสาทไฟฟ้าวินิจฉัย
ประวัติแพทย์ คลิก