เลือกหัวข้อที่อ่าน
- การนอนที่มีคุณภาพหมายความว่าอย่างไร
- ผลเสียของการนอนไม่มีคุณภาพ
- อาการนอนหลับที่ผิดปกติ
- การตรวจวินิฉัยการนอนหลับ
การนอนหลับที่ผิดปกติ
การนอนเป็นกิจกรรมที่ใช้เวลา ประมาณ 1 ใน 3 ของชีวิตมนุษย์ เช่นเรามีอายุขัยเฉลี่ย 80 ปี จะให้เวลาไปกับการนอนทั้งหมดรวมกันประมาณ 30 ปีเลยทีเดียว
การนอนที่มีคุณภาพหมายความว่าอย่างไร?
การนอนเป็นกิจกรรมที่ใช้เวลา ประมาณ 1 ใน 3 ของชีวิตมนุษย์ เช่นเรามีอายุขัยเฉลี่ย 80 ปี จะให้เวลาไปกับการนอนทั้งหมดรวมกันประมาณ 30 ปีเลยทีเดียว ดังนั้น การนอนที่มีคุณภาพจะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตในช่วงเวลาที่ตื่น การนอนที่ดี ไม่ได้จำกัดเฉพาะจำนวนชั่วโมงนอนต่อวันเท่านั้น การนอนที่ดี ต้องเป็นการนอนที่มีคุณภาพ เพื่อทำให้ในช่วงเวลากลางวัน มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ
จำนวนชั่วโมงสำหรับการนอนที่พอเพียงที่แนะนำ มีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ ซึ่งในเด็กจะมีจำนวนชั่วโมงการนอนที่มากกว่าในผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ โดย The National Sleep Foundation ของสหรัฐอเมริกา แนะนำจำนวนชั่วโมงที่เหมาะสมในแต่ละช่วงอายุดังนี้
- กลุ่มประถมศึกษา อายุ 6-13 ปี แนะนำ 9-10 ชั่วโมง
- กลุ่มวัยรุ่น อายุ 14-17 ปี แนะนำ 8-10 ชั่วโมง
- กลุ่มวัยผู้ใหญ่ตอนต้น อายุ 18-25 ปี แนะนำ 7-9 ชั่วโมง
- วัยผู้ใหญ่ อายุ 26-64 ปี แนะนำ 7-9 ชั่วโมง
- ผู้สูงอายุ มากกกว่า 64 ปี แนะนำ 7-8 ชั่วโมง
ซึ่งการนอนที่มากกว่าหรือน้อยกว่าจำนวนชั่วโมงที่แนะนำ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก็ยังนับว่าเป็นจำนวนชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมได้
เมื่อนอนไม่มีคุณภาพจะส่งผลเสียอย่างไรได้บ้าง?
เมื่อการนอนไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการนอนไม่พอ จะส่งผลให้เกิดผลเสียได้หลากหลาย เช่น อาการง่วงนอนมากผิดปกติในช่วงเวลากลางวัน (excessive daytime sleepiness) อุบัติเหตุจากความง่วง สมาธิไม่ดี คิดช้า ตอบสนองช้า การประมวลผลของสมองไม่มีประสิทธิภาพ ความจำระยะสั้นไม่ดี ผลการเรียนแย่ และมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความจำเสื่อมในอนาคตถ้ามีปัญหาการนอนไม่พอเรื้อรัง หิวบ่อย น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตสูง เบาหวานที่ควบคุมยาก และนอกจากนี้ยังพบว่าภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลง เมื่อนอนไม่พอ นอกจากนี้ การนอนที่มากกว่าจำนวนชั่วโมงที่แนะนำ เป็นจำนวนมากและเรื้อรัง ก็พบว่ามีผลเสียเช่นกัน แต่ยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจน โดยผลเสียที่พบจากการนอนที่มากเกิน เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง คุมได้ยาก หรือโรคหัวใจขาดเลือดอาการแย่ลง และยังพบว่าอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น เพราะฉะนั้นการนอนที่ไม่มากไปหรือไม่น้อยไป ร่วมกับการนอนที่มีคุณภาพ ในแต่ละช่วงอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญ
นอกจากการนอนจะมีผลต่อโรคทางกายต่างๆแล้ว โรคทางกายบางอย่างก็มีอาการแสดง เป็นความผิดปกติของการนอนหลับต่าง ๆ ได้ เช่นโรคต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ โรคความเสื่อมของระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน ซึ่งพบว่ามีอาการนอนละเมอผิดปกติ โรคสมองอักเสบบางชนิด (encephalitis) หรือยาบางชนิดที่มีผลต่อการนอนหลับ เป็นต้น
อาการเช่นไรบ้าง ที่ควรมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางการนอนหลับ?
- อาการนอนกรน มีอาการหยุดหายใจขณะนอน (Obstructive sleep apnea)
- เมื่อตื่นนอนแล้วรู้สึกไม่สดชื่น ปวดมึนศีรษะ หรือมีอาการปากแห้งคอแห้งผิดปกติ
- อาการง่วงนอนมากผิดปกติในช่วงกลางวัน (Excessive daytime sleepiness)
- มีอาการนอนละเมอ ขยับแขนขาผิดปกติ หรือออกเสียงในช่วงการนอน (REM sleep behavior disorder, RBD)
- มีภาวะพฤติกรรมผิดปกติขณะนอนหลับ (Parasomnias) เช่นลุกเดินจากที่นอนขณะหลับ หรือมีอาการขยับผิดปกติอื่น ๆ หรือสงสัยมีอาการชักขณะนอนหลับ (Nocturnal epilepsy)
- มีอาการขากระตุก ทั้งขณะเข้านอนหรือขณะหลับไปแล้ว (Periodic limb movement disorder, PLMS)
- มีอาการขาอยู่ไม่สุข ต้องขยับหรือลุกขึ้นเดินในช่วงก่อนเข้านอนหรือช่วงค่ำ (Restless legs syndrome)
- มีอาการนอนกัดฟัน (Bruxism)
- มีปัญหานอนไม่หลับ (Insomnia)
- มีปัญหาการหลับตื่นที่ผิดปกติ (Circadian rhythm sleep wake disorders)
- มีปัญหาหลับกะทันหัน ในช่วงเวลากลางวัน (โรคลมหลับ) (Narcolepsy)
การตรวจการนอนหลับทำได้อย่างไรบ้าง?
การตรวจโรคหรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เริ่มต้นจากการถามประวัติและตรวจร่างกายเพื่อประเมินโดยแพทย์ มีการประเมินอาการด้วยแบบสอบถามที่เจาะจงกับอาการ หรือปัญหานั้นๆ และสำหรับการตรวจการนอนหลับหรือโรคที่เกิดจากปัญหาการนอนหลับ โดยเครื่องตรวจการนอนหลับ ที่เป็นมาตรฐานคือ การตรวจ Polysomnography (PSG) ซึ่งประกอบด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalography, EEG) การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Electromyography, EMG) การประเมินการหายใจ (Respiration) การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiography, EKG) การประเมินค่าออกซิเจนในเลือด (Oxygen saturation) ซึ่งเป็นการตรวจที่ละเอียด ทำโดยผู้ป่วยมานอนที่ โรงพยาบาล 1-2 คืน เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคผิดปกติเกี่ยวกับการนอนหลับที่ได้กล่าวมา นอกจากนี้ ยังมีการตรวจพิเศษอื่นๆ ของอาการง่วงนอนมากผิดปกติ คือ Multiple Sleep Latency Test, MSLT ซึ่งเป็นการตรวจประเมินปัญหาการนอนหลับที่ส่งผลต่ออาการง่วงนอนมากผิดปกติในช่วงเวลากลางวัน อีกด้วย
ในปัจจุบัน แนวโน้มการตรวจวินิจฉัยหรือติดตามอาการโรคหรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เริ่มที่จะมุ่งเน้นถึงการประเมินอาการที่เกิดขึ้นจริง ที่บ้านของผู้ป่วย เนื่องจากการมาโรงพยาบาล อาจจะไม่ใช่อาการที่เหมือนกับชีวิตประจำวันผู้ป่วยทั้งหมด ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีการพัฒนานวัตกรรม การตรวจการนอนหลับที่บ้านของผู้ป่วย ตั้งแต่การใส่อุปกรณ์วัดการนอนที่ข้อมือ (Actigraphy) ซึ่งช่วยบอกเวลาการหลับหรือตื่นได้ เป็นระยะเวลาเป็นสัปดาห์เพื่อติดตาม หรือช่วยคัดกรองปัญหาการนอน อุปกรณ์วัดการเคลื่อนไหวขณะนอน (NIGHT-Recorder) ชนิดติดกับลำตัวผู้ป่วย เพื่อประเมินการเคลื่อนไหวขณะนอนที่บ้านของผู้ป่วย หรือการตรวจการนอนหลับที่บ้าน ซึ่งคล้ายกับ PSG ในโรงพยาบาล เพื่อวินิจฉัยปัญหาโรคการนอนกรนจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบน (Obstructive sleep apnea, OSA) เป็นต้น
คำถามที่พบบ่อย
- คำถาม: การนอนที่มีคุณภาพหมายความว่าอย่างไร
คำตอบ: การนอนที่มีคุณภาพจะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตในช่วงเวลาที่ตื่น การนอนที่ดี ไม่ได้จำกัดเฉพาะจำนวนชั่วโมงนอนต่อวันเท่านั้น การนอนที่ดี ต้องเป็นการนอนที่มีคุณภาพ เพื่อทำให้ในช่วงเวลากลางวัน มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ - คำถาม: ควรนอนกี่ชั่วโมงในแต่ละช่วงอายุ
คำตอบ: กลุ่มประถมศึกษา อายุ 6-13 ปี แนะนำ 9-10 ชั่วโมง กลุ่มวัยรุ่น อายุ 14-17 ปี แนะนำ 8-10 ชั่วโมง กลุ่มวัยผู้ใหญ่ตอนต้น อายุ 18-25 ปี แนะนำ 7-9 ชั่วโมง วัยผู้ใหญ่ อายุ 26-64 ปี แนะนำ 7-9 ชั่วโมง ผู้สูงอายุ มากกกว่า 64 ปี แนะนำ 7-8 ชั่วโมง - คำถาม: ผลเสียของการนอนหลับไม่มีคุณภาพ คืออะไร
คำตอบ: การนอนไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการนอนไม่พอ จะส่งผลให้เกิดผลเสียได้หลากหลาย เช่น อาการง่วงนอนมากผิดปกติในช่วงเวลากลางวัน (excessive daytime sleepiness) อุบัติเหตุจากความง่วง สมาธิไม่ดี คิดช้า ตอบสนองช้า การประมวลผลของสมองไม่มีประสิทธิภาพ ความจำระยะสั้นไม่ดี ผลการเรียนแย่ และมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความจำเสื่อมในอนาคตถ้ามีปัญหาการนอนไม่พอเรื้อรัง หิวบ่อย น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตสูง เบาหวานที่ควบคุมยาก เป็นต้น - คำถาม: อาการนอนหลับแบบไหน ที่ควรมาพบแพทย์
คำตอบ: อาการนอนกรน มีอาการหยุดหายใจขณะนอน ตื่นนอนแล้วรู้สึกไม่สดชื่น ปวดมึนศีรษะ มีอาการปากแห้งคอแห้งผิดปกติ อาการง่วงนอนมากผิดปกติในช่วงกลางวัน อาการนอนละเมอ ขยับแขนขาผิดปกติ อาจมีอาการชักขณะนอนหลับ อาการขากระตุก ขาอยู่ไม่สุข ต้องขยับหรือลุกขึ้นเดินในช่วงก่อนเข้านอนหรือช่วงค่ำ อาการนอนกัดฟัน เป็นต้น