นิ้วล็อกและวิธีการรักษาใช้เข็มสะกิดโดยการมองภาพผ่านเครื่องอัลตราซาวนด์
ภาวะที่มีการสะดุดหรือล็อกของนิ้วเวลางอหรือเหยียดนิ้ว มักมีอาการเจ็บร่วมด้วย
นิ้วล็อก เป็นภาวะที่มีการสะดุดหรือล็อกของนิ้วเวลางอหรือเหยียดนิ้ว มักมีอาการเจ็บร่วมด้วย ภาวะที่มีการสะดุดของนิ้วเกิดจากการหนาตัวขึ้นของปลอกหุ้มเอ็น และ/หรือ การเกิดเป็นปมของเอ็นบริเวณฝ่ามือใกล้โคนนิ้ว และจะมีกดเจ็บบริเวณนี้ร่วมด้วย
สาเหตุของการเกิด
มักเกิดจากการเสียดสีจากการใช้งานมาก หรือมีการกดบริเวณดังกล่าว เช่นการกำไม้กอล์ฟหรือไม้กวาด ชอบเกิดในผู้สูงอายุโดยเฉพาะมีเบาหวานร่วมด้วย
วิธีการรักษา
ขึ้นอยู่กับระยะหรือความรุนแรง
- หากเป็นไม่มาก มีการสะดุดของนิ้วเป็นบางครั้ง เป็นเฉพาะตอนเช้า ให้ลดการใช้งานหรือใช้อุปกรณ์ดามนิ้วประมาณ 3-4 สัปดาห์
- หากเป็นมาก มีการสะดุดของนิ้วทุกครั้งที่งอ – เหยียดนิ้ว หรือไม่สามารถกำนิ้วได้สุด ดังรูป

กรณีเป็นมาก สะดุดทุกครั้งหรือกำไม่สุด การรักษามี 2 ทาง
- 2.1 ฉีดยาสเตียรอยด์ ฉีดเข้าใต้ผิวเข้าไปในปลอกเอ็น แต่ควรฉีดโดยแพทย์เฉพาะทางด้านมือ เพราะต้องระวังไม่ให้ฉีดยาเข้าไปในเอ็น จะทำให้เนื้อเอ็นยุ่ย การฉีดยาสเตียรอยด์นี้อาจดีขึ้น แต่ก็อาจเป็นซ้ำได้
- 2.2 การรักษาโดยการผ่าตัดแบบเปิด ตัดปลอกที่รัดเอ็นให้ขาดออกจากกัน วิธีนี้ปลอดภัยเพราะมองเห็นปลอกด้วยตา แต่มีข้อเสียคือต้องทำในห้องผ่าตัด ใช้เวลาผ่าประมาณ 30-45 นาที มือโดนน้ำไม่ได้ประมาณ 12-14 วัน และต้องตัดไหม
ข้อดีของวิธีนี้มีดังนี้
- เป็นการตรวจและปฏิบัติการในห้องตรวจผู้ป่วยนอก (OPD)
- ให้ยาชาเฉพาะที่
- ปลอดภัยกับเอ็นและเส้นประสาท เพราะมองเห็นเข็มและเอ็นตลอดเวลาผ่านหน้าจอของเครื่องอัลตราซาวนด์
- ใช้เวลาทำการสะกิดประมาณ 5 นาทีก็เสร็จ
- หลังการสะกิดเสร็จเห็นผลทันที การสะดุดของนิ้วขณะงอ-เหยียดจะหายทันที
- ไม่มีแผลผ่าตัด มีเพียงรอยรูเข็ม
- มือโดนน้ำได้หลังการสะกิดตัดปลอกภายใน 24 – 48 ชั่วโมง
การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์
ผู้ป่วยควรจดรายการยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รับประทานอยู่เป็นประจำ และจดคำถามที่ต้องการถามแพทย์ เช่น
- สาเหตุของโรคคืออะไร
- อาการนิ้วล็อกเป็นอาการชั่วคราวหรือถาวร
- ควรรักษาอาการด้วยวิธีใด
- มีภาวะแทรกซ้อนของโรคหรือไม่ เช่นอะไร
ระหว่างการตรวจวินิจฉัย แพทย์อาจคำถามดังต่อไปนี้
- ผู้ป่วยมีอาการอะไรบ้าง
- มีอาการมานานเท่าไร
- อาการเป็น ๆ หาย ๆ หรือเป็นตลอดเวลา
- อะไรที่ช่วยบรรเทาอาการ
- อะไรที่ทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิม
- อาการมักแย่ลงในช่วงเวลาใด เช่น ในตอนเช้าใช่หรือไม่
- ทำงานหรือมีงานอดิเรกที่ใช้มือซ้ำ ๆ บ่อย ๆ บ้างหรือไม่
- ก่อนหน้านี้ได้รับบาดเจ็บที่มือหรือไม่
บทความโดย
นพ.สมศักดิ์ เจริญชัยปิยกุล
ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เชี่ยวชาญด้านมือ
ประวัติแพทย์