วิสัญญีวิทยา
วิสัญญีวิทยามีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัยของคนไข้ที่มารับการผ่าตัดและทำหัตถการ ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับศัลยแพทย์ทุกสาขา ด้วยเหตุนี้ เมดพาร์ค จึงคัดสรรทีมวิสัญญีแพทย์ทีมีประสบการณ์สูง และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น วิสัญญีแพทย์สำหรับผู้ป่วยผ่าตัดโรคหัวใจ และวิสัญญีแพทย์สำหรับผู้ป่วยเด็ก ตลอดจนเทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ทำให้เมดพาร์คสามารถให้บริการวิสัญญีได้อย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร
ที่เมดพาร์ค การประเมินและเตรียมความพร้อมผู้ป่วยก่อนเข้ารับการระงับความรู้สึก (Preanesthetic evaluation) ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด โดยยึดหลักปฏิบัติการประเมินตามมาตรฐาน ASA (American Society of Anesthesiologists) เพื่อให้แน่ใจว่า ผู้ป่วยมีความพร้อมเข้ารับการผ่าตัด ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดและการระงับความรู้สึก และทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว
นอกจากนี้ วิสัญญีแพทย์จะทำงานร่วมกับศัลยแพทย์อย่างใกล้ชิดในการระงับความรู้สึก ทั้งก่อนผ่าตัด ระหว่างผ่าตัด และหลังผ่าตัด โดยมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยมีความปลอดภัยมากที่สุด และรู้สึกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการให้ยาระงับความรู้สึกแบบทั้งตัวหรือแบบเฉพาะส่วน อีกทั้งยังทำให้ศัลยแพทย์ก็มีความมั่นใจในการจัดการหากเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ขึ้น ทั้งนี้ เมดพาร์ค มีความพร้อมทั้งทีมวิสัญญีแพทย์และวิสัญญีพยาบาลที่สามารถให้บริการผู้ป่วยได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ในกรณีผู้ป่วยที่เลือกเวลาผ่าตัดได้ (Elective case) วิสัญญีแพทย์จะทำให้ผู้ป่วยคลายความวิตกกังวลและมีความมั่นใจในความปลอดภัยก่อนเข้ารับการระงับความรู้สึก ส่วนการดมยาในเด็ก วิสัญญีแพทย์จะสื่อสารกับพ่อ-แม่ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และลดความวิตกกังวล และหากเป็นทารกแรกเกิด หรือมีน้ำหนักน้อยมาก ต้องใช้วิสัญญีแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูง
หลังการผ่าตัด ทีมงานวิสัญญียังต้องเฝ้าระวังอาการคนไข้ตลอด 48 ชม เพื่อดูภาวะแทรกซ้อนจากการให้ยาระงับความรู้สึก (Anesthetic-related complications) และการควบคุมระงับปวด ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของวิสัญญีแพทย์เป็นหลัก ขณะเดียวกัน แผนกกายภาพจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัด โดยวิสัญญีแพทย์จะประสานงานกับนักกายภาพบำบัด เพื่อให้คนไข้สามารถขยับกล้ามเนื้อได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะมีโปรแกรมการทำกายภาพที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย
เทคโนโลยีวิสัญญีที่ทันสมัย
นอกจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์แล้ว เมดพาร์คยังตระหนักถึงความสำคัญในการนำเทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยมาช่วยให้การบริการวิสัญญีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดูแลผู้ป่วยให้มีความปลอดภัย และลดภาวะแทรกซ้อนในการให้บริการทางวิสัญญี อาทิ เครื่องดมยาสลบที่มีมาตรฐาน สามารถวัดปริมาณก๊าซดมสลบ คาร์บอนไดออกไซด์และออกซิเจน ทุกการหายใจ เข้า-ออก ตลอดจนการระงับความรู้สึกเพื่อสามารถประเมิน ความลึกการหลับให้เหมาะสมกับการผ่าตัด ไม่หลับลึกเกินไปจนกระทบความดันโลหิต และการตื่นช้ากว่าที่จำเป็น ใน ขณะเดียวกันก็ไม่หลับตื้นจนเกินไปอาจเป็นสาเหตุของการตื่นระหว่างการผ่าตัด ซึ่งระบบความปลอดภัยต่างๆที่ได้พัฒนาในเครื่องดมยาสลบรุ่นใหม่นี้ เพื่อมุ่งเน้นความปลอดภัยในผู้ป่วยเป็นลำดับแรก
อุปกรณ์สำหรับช่วยใส่ท่อช่วยหายใจ หรือที่เรียกว่า วิดีโอลาริงซ์โกสโคป (Video laryngoscope) เป็นอีกหนึ่งในเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีความสำคัญมาก เพราะบางกรณี ผู้ป่วยอาจมีปัญหาการใส่ท่อช่วยหายใจยาก เช่น ผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน ในขณะที่แพทย์จะมีเวลาเพียงแค่ 4 นาทีในการใส่ท่อช่วยหายใจให้สำเร็จหลังจากให้ยาสลบไปแล้ว ดังนั้น การให้บริการด้วยวิสัญญีแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง และความพร้อมของเทคโนโลยีทันสมัย ทำให้เมดพาร์คมีขีดความสามารถดูแลผู้ป่วยในทุกสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
นอกจากนี้ เมดพาร์คยังนำระบบอัลตราซาวด์มาช่วยให้การฉีดยาชามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากแพทย์จะต้องฉีดในบริเวณที่ใกล้เส้นประสาทมากที่สุดจึงจะบล็อคได้ผลดีที่สุด แต่ถ้าฉีดตรงเส้นประสาทก็จะทำให้ผู้ป่วยบาดเจ็บและขยับแขนขาไม่ได้ โดยระบบอัลตราซาวด์จะช่วยในการมองหาเส้นประสาทเพื่อให้การฉีดยาชามีความแม่นยำ