ต้อกระจก (Cataract) เกิดจากอะไร อาการ การรักษา - Cataract: Causes, Symptoms, Treatments, Early signs

ต้อกระจก (Cataract) เกิดจากอะไร อาการ การรักษา

ต้อกระจก (Cataract) หรือ ภาวะเลนส์ตาขุ่น เป็นการเสื่อมสภาพของโปรตีนเมทริกซ์ของเลนส์ตา ที่ทำให้เลนส์ตาขุ่นมัว และส่งผลให้การมองเห็นลดลง เลนส์ตาปกติจะมีลักษณะใส ช่วยให้แสงผ่านไปยังจอประสาทตา เซลล์รับแสงซึ่งไวต่อแสง

แชร์

เลือกหัวข้อที่อ่าน


ต้อกระจก คืออะไร

ต้อกระจก  (Cataract) หรือ ภาวะเลนส์ตาขุ่น เป็นการเสื่อมสภาพของโปรตีนเมทริกซ์ของเลนส์ตา ที่ทำให้เลนส์ตามีลักษณะสีขาวขุ่น เหมือนมีเมฆหมอกมาบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นตลอดเวลา ส่งผลให้การมองเห็นลดลง มองเห็นภาพได้ไม่ชัดเจน เห็นเป็นฝ้าขาว เห็นแสงเป็นวง ๆ เห็นสีซีดลงออกโทนเหลืองจาง ในบางราย อาจเห็นแสงสว่างจากหลอดไฟเป็นแสงแตกกระจาย หรือถูกบดบังแม้อยู่ในที่สว่าง ทำให้มองเห็นไม่ชัดแม้ในเวลากลางวัน

ต้อกระจกอาจเกิดกับดวงตาเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง เกิดได้ทั้งเพศชายและหญิง และไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บหรือระคายเคืองใด ๆ ที่ตา โดยโรคต้อกระจกจะค่อย ๆ พัฒนาก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ การมองเห็นภาพต่าง ๆ จะค่อย ๆ เลือนลง มองเห็นภาพจาง ๆ เบลอๆ ทำให้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน

Cataract Banner 2 Th

ต้อกระจก เกิดจากอะไร

ต้อกระจกเกิดจากการเสี่อมสลายของโปรตีนในเลนส์ตาที่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น โปรตีนจะเกิดการเสื่อมสลายและจับกลุ่มหนาตัว รวมกันเป็นต้อกระจก ต้อกระจกจึงมักพบในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปจากการที่เลนส์ตาเสี่อมลงตามวัย นอกจากนี้ ต้อกระจกยังอาจเกิดจากอาการบาดเจ็บที่บริเวณเลนส์ตา อุบัติเหตุที่ดวงตา โรคติดเชื้อเกี่ยวกับดวงตา หรือความผิดปกติแต่กำเนิดในครรภ์มารดา เช่น การติดเชื้อหัดเยอรมัน

ต้อกระจก สาเหตุ

  • อายุที่เพิ่มขึ้น
  • การติดเชื้อก่อนคลอด เช่น การติดเชื้อหัดเยอรมันของมารดาขณะตั้งครรภ์
  • ความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น โรคกาแลคโตซีเมีย ภาวะคลอดก่อนกำหนด ต้อกระจกโดยกำเนิด
  • โรคบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบ โรคลูปัส โรควิลสัน
  • การใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์เป็นเวลานานเพื่อรักษาโรคบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบ หรือโรคลูปัส
  • การใช้ยากลุ่มฟิโนไทอาซีน (Phenothiazine) เพื่อรักษาโรคทางจิตเวชบางชนิด เช่น ไบโพลาร์
  • ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาขยายม่านตา ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ ยาลดระดับไขมันในเส้นเลือด หรือยา Tamoxifen เพื่อรักษาโรคมะเร็งเต้านม เป็นต้น
  • โรคภายในระบบตาที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นต้อกระจก เช่น การอักเสบติดเชื้อภายในดวงตา ม่านตาอักเสบ ลูกตาติดเชื้อ โรค Exfoliation syndrome โรคลูกตาส่วนหน้าขาดเลือด (Anterior segment ischemia) โรคจอประสาทตาเสื่ยมแบบ RP (Retinitis pigmentosa)
  • การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตมาก (UV) เป็นเวลานาน ๆ โดยไม่ได้สวมแว่นกันแดดหรืออุปกรณ์ป้องกัน
  • การได้รับอุบัติเหตุกระทบกระเทือนที่บริเวณดวงตา เช่น เศษโลหะเข้าตา เศษหินกระเด็นเข้าตา หรือการฉีกขาดของเนื้อเยื่อภายในลูกตาที่ทำให้ประสิทธิภาพการมองเห็นลดลง และเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อกระจก
  • เคยผ่านการฉายรังสีที่บริเวณส่วนบนของร่างกาย หรือที่บริเวณศีรษะ
  • ผู้ที่เคยผ่าตัดจอประสาทตา ผ่าตัดน้ำวุ้นตา
  • สารเคมีเข้าตา
  • การถูกช๊อตด้วยไฟฟ้า
  • ควันบุหรี่ หรือการสูบบุหรี่
  • การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ๆ

Cataract Banner 3

ต้อกระจก อาการเริ่มต้น

ต้อกระจก อาการเริ่มต้น จะมีสายตาสั้นและสายตาเอียง โดยสายตาจะเริ่มพร่ามัวมากขึ้นเรื่อย ๆ จากระดับและตำแหน่งความขุ่นของเลนส์แก้วตาที่เหมือนมีฝ้าขาว หรือเมฆหมอกมาบดบังการมองเห็น จนกระทั่ง ต้อกระจกสุกมากเกินไป อาจทำให้เป็น ต้อหินตามมา ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากแรงดันในลูกตาที่สูงขึ้นจนกระทั่งอาจทำให้ตาบอดในที่สุด ต้อกระจก อาการเริ่มต้นมีดังนี้

  • ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดเจน แม้อยู่ในที่สว่างแต่มองเห็นเหมือนอยู่ในที่มีแสงน้อย
  • มองเห็นสีของวัตถุต่าง ๆ ผิดเพี้ยนไป มองภาพเป็นสีออกเหลืองหรือสีซีดจาง
  • มองเห็นลำบากในเวลากลางคืน เพ่งสายตามากกว่าปกติ ต้องการแสงสว่างมากขึ้นในการมอง
  • ตาไม่สู้แสง มองเห็นแสงที่หลอดไฟแตกกระจายหรือเห็นแสงเป็นวง
  • ประสิทธิภาพในการมองเห็นของตาทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากันอย่างเห็นได้ชัด
  • เปลี่ยนแว่นตาบ่อยขึ้น ต้อกระจกทำให้ค่าสายตาเปลี่ยนไป
  • เมื่อต้อกระจกพัฒนาไปถึงระยะต้อกระจกสุก หรือระยะสุดท้าย จะมองเห็นเป็นเปื้อนขาวที่ตรงกลางรูม่านตา ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคต้อหิน และตาบอดถาวรในที่สุด

ต้อกระจกมีกี่ระยะ

ต้อกระจกแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้

  1. ระยะที่ 1 (Incipient) ระยะที่เลนส์ตาเริ่มขุ่นมัว ตามองเห็นไม่ชัดเจน ตามองเห็นแสงสะท้อนที่รบกวนการมองเห็น และตาเหนื่อยล้าง่าย ในระยะนี้ การดำเนินโรคแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ 1.) รอบเลนส์ตาขุ่น แต่ตรงกลางเลนส์ตาใส หรือ 2.) รอบเลนส์ตาใส แต่ตรงกลางเลนส์ตาขุ่น ต้อกระจกในระยะนี้ จะยังไม่รบกวนการมองเห็นมากนักจนกว่าต้อกระจกจะมีความขุ่นมัวมากขึ้น
  2. ระยะที่ 2 (Intumescent) ระยะที่ต้อกระจกมีความขุ่นมัวมากขึ้น บริเวณตาขุ่นขยายตัวมากขึ้น และมีอาการเลนส์ตาบวม ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
  3. ระยะที่ 3 (Mature) ระยะที่ต้อกระจกมีความขุ่นมัวมาก ความขาวขุ่นได้ขยายตัวไปทั่วเลนส์ตา ทำให้ตามัวไปหมด แสงไม่สามารถผ่านเข้าไปถึงจอประสาทตาได้ ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นและการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก 
  4. ระยะที่ 4 (Hypermature) ระยะที่ต้อกระจกสุกมากเกินไป ต้อกระจกจะมีความขาวขุ่นมาก แข็งตัว และอาจเกิดการหดตัวและเคลื่อนที่จนทำให้มีปัญหาในการมองเห็นหลายประการ ต้อกระจกในระยะนี้เป็นอันตราย และควรเข้ารับการผ่าตัดต้อกระจกโดยเร็วที่สุด เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เป็น โรคต้อหิน และทำให้ตาบอดถาวร

Aw ประกอบบทความ ต้อกระจก 03

การวินิจฉัยต้อกระจก มีวิธีการอย่างไร

การวินิจฉัยโรคต้อกระจกระยะแรกเริ่มอาจกระทำได้ยาก เนื่องจากต้อกระจกยังไม่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใด ๆ กับสายตา จนกระทั่งต้อกระจกเริ่มสุกจนเห็นเป็นจุดสีขาวขุ่นที่บริเวณตาดำ ผู้ที่มีความเสี่ยงจึงควรหมั่นสังเกตดวงตาของตนเองในกระจก โดยหากพบความผิดปกติหรือไม่แน่ใจว่าเป็นความผิดปกติหรือไม่ ควรพบจักษุแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยแต่เนิ่น ๆ วิธีการวินิจฉัยมีดังนี้

  • ตรวจวัดสายตา (Visual acuity test) ตรวจวัดค่าสายตาเพื่อประเมินความสามารถในการมองเห็น
  • ตรวจวัดความดันลูกตา (Tonometry test) ตรวจประเมินค่าความดันลูกตาว่าผิดปกติหรือไม่
  • ตรวจด้วยกล้องจักษุจุลทรรศน์ (Slit lamp examination) ตรวจตาโดยใช้กล้องจักษุจุลทรรศน์ชนิดลำแสงแคบเพื่อส่องตรวจดูโครงสร้างภายในดวงตา เช่น กระจกตา รูม่านตา เลนส์ตา รวมถึงจอประสาทตา เพื่อหาความผิดปกติ
  • ตรวจจอประสาทตาผ่านการขยายรูม่านตา (Dilated eye exam) เป็นการตรวจจอประสาทตาด้วยการหยอดยาขยายรูม่านตาให้เปิดกว้าง จากนั้นจะใช้เลนส์ขยายชนิดพิเศษเพื่อตรวจหาความผิดปกติบริเวณจอประสาทตาและเส้นประสาทตา ทั้งนี้ การหยอดยาตาอาจทำให้ตาพร่ามัวชั่วคราว

Aw ประกอบบทความ ต้อกระจก 04

ต้อกระจก รักษาอย่างไร

การรักษาต้อกระจกระยะแรกเริ่มที่ยังไม่รบกวนการใช้ชีวิตมากนัก จักษุแพทย์จะนัดตรวจดูแลดวงตาเป็นระยะ อาจให้ปรับแว่นสายตา และแนะนำให้หลีกเลี่ยงสิ่งเร้า เช่น แสงแดดจ้า เพื่อช่วยชะลออาการ จนกระทั่งอาการต้อกระจกมากขึ้น ส่งผลต่อการมองเห็น และกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน จักษุแพทย์จะพิจารณาการผ่าตัดต้อกระจก เพื่อนำเลนส์ตาขาวขุ่นออก แล้วนำเลนส์แก้วตาตาเทียมใส่เข้าไปแทนที่ วิธีการผ่าตัดต้อกระจกที่ได้รับความนิยม มีดังนี้

  1. การผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูง (Phacoemulsification) เป็นการสลายต้อกระจกโดยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเข้าไปสลายต้อกระจกและใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ เป็นการผ่าตัดต้อกระจกด้วยเทคนิคแผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานสากลทั่วโลก ร่วมกับการใช้เทคโนโลยี Digital Marking System และ Wavefront Technology ขั้นสูง เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัด และให้ได้ค่าสายตาหลังการผ่าตัดที่เหมาะสม
  2. การผ่าตัดต้อกระจกโดยการใช้เลเซอร์ (Femtosecond Laser-Assisted Cataract Surgery) เป็นการรักษาต้อกระจกโดยการใช้เทคโนโลยี Femtosecond Laser ประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ต้อกระจกแตกตัวออกเป็นส่วน ๆ ได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัย ทำให้ง่ายต่อการสลายต้อกระจกด้วยคลื่น Ultrasound ที่ใช้พลังงานน้อยลง
  3. การผ่าตัดต้อกระจกโดยเอาเลนส์ต้อกระจกออก เหลือถุงหุ้มเลนส์ไว้ (Extracapsular cataract extraction: ECCE) เป็นการผ่าตัดเอาส่วนที่เป็นต้อกระจกแข็งออกเป็นชิ้นเดียว ดูดเลนส์ตารอบนอกออกให้เหลือถุงหุ้มเลนส์ไว้แล้วใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไป โดยยึดเข้ากับถุงหุ้มเลนส์ตาด้านหลัง เป็นการผ่าตัดที่มีขนาดแผลกระจกตาใหญ่กว่าเพื่อนำเลนส์ตาเสื่อมสภาพชิ้นใหญ่ออก ทั้งนี้ จักษุแพทย์จะใช้วิธีการนี้เฉพาะในกรณีที่ต้อกระจกสุกและแข็งมาก ซึ่งยากต่อการสลายต้อกระจก

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดต้อกระจก

จักษุแพทย์จะตรวจตาอย่างละเอียดและส่งวัดเลนส์แก้วตาเทียม วัดความดันตาและจอประสาทตา วัดขนาดและระดับสายตา วัดความโค้งกระจกตา และความยาวลูกตาก่อนการขยายม่านตาเพื่อให้ได้ค่าสายตาที่ถูกต้องก่อนคำนวณเพื่อเลือกขนาดเลนส์ตาที่เหมาะกับผู้รับการผ่าตัดมากที่สุด การผ่าตัดสลายต้อกระจกจะใช้เวลาในการผ่าตัด 20-45 นาที และสามารถกลับบ้านได้หลังการผ่าตัดโดยไม่ต้องพักฟื้นที่ รพ. แต่อย่างใด การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดต้อกระจก มีดังนี้

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือทานยารักษาโรค ควรแจ้งให้จักษุแพทย์ทราบล่วงหน้าก่อนวันผ่าตัด
  • ผู้ที่ทานยาละลายลิ่มเลือด ควรงดยาอย่างน้อย 7 วัน ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  • ฝึกนอนท่าราบโดยใช้ผ้าคลุมใบหน้าและไม่หนุนหมอนอย่างน้อย 30 นาที ก่อนวันผ่าตัดจริง
  • ในผู้ที่ใช้วิธีดมยาสลบ ควรงดรับประทานอาหารอย่างน้อย 12 ชม. ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  • ทำความสะอาดร่างกายให้พร้อม อาบน้ำ ล้างหน้า สระผมให้สะอาด และงดการแต่งหน้า
  • ผู้ที่สวมฟันปลอมทุกชนิด ต้องถอดออก และรวมถึงเครื่องประดับทุกชนิด
  • ควรมีญาติมาด้วยในวันผ่าตัด เพื่อช่วยขับรถกลับบ้าน

Cataract

การดูแลตนเองหลังการผ่าตัดต้อกระจก

หลังการผ่าตัดต้อกระจก จักษุแพทย์จะปิดตาข้างที่ผ่าตัดเอาไว้และจะเปิดผ้าปิดตาออกในวันรุ่งขึ้น โดยจักษุแพทย์จะนัดให้เข้ามาประเมินอาการในวันถัดไป การดูแลตนเองหลังการผ่าตัดต้อกระจก มีดังนี้

  • หยอดยาตามเวลาที่จักษุแพทย์กำหนดทุกครั้ง 
  • หากมีอาการปวด ทานยาแก้ปวดตามที่จักษุแพทย์สั่งเพื่อบรรเทาอาการปวด
  • ระวังห้ามไม่ให้น้ำเข้าตาโดยเด็ดขาด จนกว่าแผลจะหายสนิท
  • ห้ามขยี้ตาโดยเด็ดขาด และระวังอย่าให้ดวงตาได้รับการกระทบกระเทือน
  • ก่อนนอนให้ใช้ที่ครอบตา ครอบก่อนนอน เพื่อป้องกันการขยี้ตา 
  • งดการนอนตะแคงข้างที่ผ่าตัดต้อกระจกลง
  • งดการออกกำลังกาย หรือยกของหนัก
  • งดการทานอาหารรสจัด เพื่อป้องกันเหงื่อ
  • ระวังไม่ไอ จามแรง ๆ ไม่ก้มศีรษะต่ำ
  • มาตรวจตาตามจักษุแพทย์นัดทุกครั้ง เพื่อประเมินผลการรักษา

ต้อกระจก อันตรายไหม

ต้อกระจกสุกที่ไม่ได้รับการรักษา จะเห็นเป็นเปื้อนขาวที่กลางรูม่านตา เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้การมองเห็นแย่ลง รบกวนการมองเห็น และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและคุณภาพชีวิตโดยรวมหลายด้าน เช่น การขับรถ การอ่านหนังสือ การทำงาน งานอดิเรก การจดจำใบหน้า การเล่นกีฬา และความเสี่ยงพลัดตก หกล้ม ต้อกระจกที่ถูกปล่อยจนต้อสุกมากเกินไป จะทำให้เกิดการอักเสบภายในดวงตา มีอาการปวดตา ตาแดง และทำให้เป็นโรคต้อหินที่ทำให้สูญเสียการมองเห็น และอาจทำให้ตาบอดได้ในที่สุด

วิธีการป้องกันโรคต้อกระจก

ต้อกระจกเป็นโรคที่เกิดจากความเสี่อมสภาพของเลนส์ตาตามวัยที่ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีการป้องกันได้ 100% อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อายุน้อยก็สามารถเป็นโรคต้อกระจกได้หากสะสมปัจจัยเสี่ยงต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทั้งนี้ โรคต้อกระจกสามารถชะลอการเกิดได้โดยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและลดปัจจัยเสี่ยง ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดสว่างจ้าโดยตรง สวมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันรังสี UVA/UVB
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การสูดดมควันบุหรี่ หรือการดื่มแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการดูจอเป็นระยะเวลานาน ๆ ควรพักสายตาเป็นระยะ
  • จัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีแสงสว่างที่เพียงพอต่อการมองเห็น
  • หากทำงานในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันวัตถุกระเด็นเข้าตาเสมอ
  • ไม่ซื้อยาหยอดตามาหยอดเอง
  • ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปี
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง ควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจตา

Aw ประกอบบทความ ต้อกระจก 05

ต้อกระจก มองไม่ชัด ตาพร่ามัว รักษาได้

ดวงตา คืออวัยวะที่เราหวงแหนและอยากรักษาไว้ให้คงซึ่งประสิทธิภาพการมองเห็นตลอดไป ในปัจจุบัน การผ่าตัดต้อกระจกใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงที่ทันสมัย ช่วยเพิ่มความแม่นยำ รวดเร็ว และปลอดภัย ช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้กลับมามองเห็นได้ดีอีกครั้ง ทั้งนี้ การตรวจสุขภาพดวงตาอย่างสม่ำเสมอและรับการรักษาแต่เนิ่น ๆ เมื่อพบอาการ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาต้อกระจกให้หาย เพื่อให้คงไว้ซึ่งดวงตาคู่สำคัญให้อยู่คู่เราไปตราบเท่านาน

บทความโดย

เผยแพร่เมื่อ: 19 มี.ค. 2025

แชร์

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

  • Link to doctor
    นพ. กฤติเดช เดชะคุปต์

    นพ. กฤติเดช เดชะคุปต์

    • จักษุวิทยา
    • จักษุวิทยาจอตาและวุ้นตา
    ผ่าตัดจอประสาทตา, ต้อกระจก, การผ่าตัดต้อกระจก, โรคตาทั่วไป
  • Link to doctor
    พญ. อุษณีย์ เหรียญประยูร

    พญ. อุษณีย์ เหรียญประยูร

    • จักษุวิทยา
    • จักษุวิทยากระจกตา
    • จักษุวิทยาผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ (LASIK & SMILE pro)
    โรคทางกระจกตาและตาส่วนนอก, โรคต้อเนื้อและการผ่าตัดโดยใช้กาวชีวภาพ, โรคกระจกตาโก่ง, การผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ, การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา, การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาโดยใช้สเต็มเซลล์, การผ่าตัดต้อกระจก
  • Link to doctor
    รศ.พญ. วรรณรัตน์ สาธิตพิฐกุล

    รศ.พญ. วรรณรัตน์ สาธิตพิฐกุล

    • จักษุวิทยา
    • จักษุวิทยากระจกตา
    • จักษุวิทยาผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ (LASIK & SMILE pro)
    โรคตาแห้งและโรคกระจกตา, การผ่าตัดต้อกระจก, การผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ, โรคตาแห้งและโรคผิวกระจกตา, ต้อกระจก
  • Link to doctor
    พญ. สุภาวดี เอื้อจงมานี

    พญ. สุภาวดี เอื้อจงมานี

    • จักษุวิทยา
    • จักษุวิทยากระจกตา
    • จักษุวิทยาผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ (LASIK & SMILE pro)
    โรคทางกระจกตาและตาส่วนนอก, โรคตาแห้งและโรคผิวกระจกตา, ภาวะสายตาผิดปกติ, การผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ, โรคต่อมไขมันที่เปลือกตาอุตตัน, การผ่าตัดต้อกระจก
  • Link to doctor
    ศ.พญ. งามจิตต์ เกษตรสุวรรณ

    ศ.พญ. งามจิตต์ เกษตรสุวรรณ

    • จักษุวิทยา
    • จักษุวิทยากระจกตา
    • จักษุวิทยาผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ (LASIK & SMILE pro)
    โรคทางกระจกตาและตาส่วนนอก, โรคตาแห้งและโรคผิวกระจกตา, โรคต้อเนื้อและการผ่าตัดโดยใช้กาวชีวภาพ, โรคกระจกตาโก่ง, การผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ, การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา, การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาโดยใช้สเต็มเซลล์, การผ่าตัดต้อกระจก
  • Link to doctor
    นพ. ธนาพงษ์ สมกิจรุ่งโรจน์

    นพ. ธนาพงษ์ สมกิจรุ่งโรจน์

    • จักษุวิทยา
    • จักษุวิทยาจอตาและวุ้นตา
    การผ่าตัดต้อกระจก, จอประสาทตาและน้ำวุ้นตา, ม่านตาอักเสบ, โรคทางกระจกตาและตาส่วนนอก
  • Link to doctor
    รศ.พิเศษ นพ. ภาคภูมิ คัมภีร์พันธุ์

    รศ.พิเศษ นพ. ภาคภูมิ คัมภีร์พันธุ์

    • จักษุวิทยา
    • จักษุวิทยาผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ
    การผ่าตัดต้อกระจก, ผ่าตัดต้อกระจกหลังทำเลสิก, ผ่าตัดต้อกระจกใส่เลนส์ชนิดพิเศษ, ผ่าตัดต้อกระจกใส่เลนส์ชนิดพิเศษ, ผ่าตัดต้อกระจกใส่เลนส์ชนิดพิเศษ, ใส่คอนแทคเลนส์, โรคกระจกตาโก่ง, การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยสายตาเลือนรางและเทคโนโลยีช่วยการมองเห็น
  • Link to doctor
    นพ. บุรเวช อัศวพงศ์ไพบูลย์

    นพ. บุรเวช อัศวพงศ์ไพบูลย์

    • จักษุวิทยา
    • ประสาทจักษุวิทยา
    Ophthalmology, การผ่าตัดต้อกระจก, การใช้สารโบทูลินัมรักษาโรคใบหน้าครึ่งซีกกระตุก และ โรคกล้ามเนื้อเปลือกตาเกร็งกระตุก, เส้นประสาทตาผิดปกติ, ประสาทจักษุวิทยา
  • Link to doctor
    รศ. นพ. ปริญญ์ โรจนพงศ์พันธุ์

    รศ. นพ. ปริญญ์ โรจนพงศ์พันธุ์

    • จักษุวิทยา
    • จักษุวิทยาโรคต้อหิน
    • จักษุวิทยาผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ (LASIK & SMILE pro)
    การผ่าตัดต้อกระจก, ต้อกระจก, โรคต้อหิน, การผ่าตัดต้อกระจกในผู้ป่วยที่มีอาการม่านตาผิดปกติ
  • Link to doctor
    รศ. (พิเศษ) นพ. สุภณัฐ อภิญญาวสีสุข

    รศ. (พิเศษ) นพ. สุภณัฐ อภิญญาวสีสุข

    • จักษุวิทยา
    • ประสาทจักษุวิทยา
    การผ่าตัดต้อกระจก, การใช้สารโบทูลินัมรักษาโรคใบหน้าครึ่งซีกกระตุก และ โรคกล้ามเนื้อเปลือกตาเกร็งกระตุก, เส้นประสาทตาผิดปกติ, การกลอกตาผิดปกติและเส้นประสาทสมองเป็นอัมพาต, โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
  • Link to doctor
    รศ.พญ. วิศนี ตันติเสวี

    รศ.พญ. วิศนี ตันติเสวี

    • จักษุวิทยา
    • จักษุวิทยาโรคต้อหิน
    การผ่าตัดต้อกระจก, การรักษาโรคต้อหิน
  • Link to doctor
    ผศ.พญ. วรวลัญช์ หงส์เลิศนภากุล

    ผศ.พญ. วรวลัญช์ หงส์เลิศนภากุล

    • จักษุวิทยา
    • จักษุวิทยาเด็ก
    • กล้ามเนื้อตา
    การผ่าตัดต้อกระจกในผู้ใหญ่และเด็ก, โรคตาเขและการผ่าตัดกล้ามเนื้อตา, จักษุวิทยาทั่วไปในผู้ใหญ่และเด็ก, ภาวะสายตาผิดปกติ, ตาขี้เกียจ, ต้อกระจก, โรคต้อเนื้อ, โรคต้อลม, โรคตาแห้งและโรคผิวกระจกตา, โรคกล้ามเนื้อตา
  • Link to doctor
    พญ. มณฑิรา เจิมจุติธรรม

    พญ. มณฑิรา เจิมจุติธรรม

    • จักษุวิทยา
    • จักษุวิทยากระจกตา
    • จักษุวิทยาผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ (LASIK & SMILE pro)
    โรคทางกระจกตาและตาส่วนนอก, การผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ, Ophthalmology, โรคต้อเนื้อ, โรคตาแห้งและโรคกระจกตา, การผ่าตัดต้อกระจก, การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา
  • Link to doctor
    พญ. ฐิติมา หวังเจริญ

    พญ. ฐิติมา หวังเจริญ

    • จักษุวิทยา
    • จักษุวิทยากระจกตา
    • จักษุวิทยาผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ (LASIK & SMILE pro)
    • โรคของกระจกตา
    โรคตาแห้งและโรคผิวกระจกตา, โรคทางกระจกตาและตาส่วนนอก, โรคกระจกตาโก่ง, การผ่าตัดต้อกระจก, การผ่าตัดลอกต้อเนื้อโดยไม่เย็บ, การผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ, การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา