เลือกหัวข้อที่อ่าน
- ตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear) คืออะไร?
- ตรวจมะเร็งปากมดลูก มีกี่แบบ?
- ตรวจมะเร็งปากมดลูก อายุเท่าไหร่ควรเริ่มตรวจ?
- ตรวจแปปสเมียร์ ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
- ผลตรวจ Pap smear
- คำถามที่พบบ่อย
- คำแนะนำจากแพทย์
การตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear)
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับต้น ๆ ของผู้หญิงไทย และเป็นหนึ่งในมะเร็งไม่กี่ชนิดที่สามารถทำการตรวจคัดกรองและรับการรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก่อนที่จะพัฒนากลายเป็นมะเร็ง การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก จึงมีความสำคัญมากในการช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปากมดลูก
ตรวจมะเร็งปากมดลูก มีกี่แบบ?
ตรวจมะเร็งปากมดลูก หรือ ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก คือ การเก็บเซลล์เนื้อเยื่อปากมดลูก และส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ โดยสามารถตรวจได้ทั้ง 3 แบบ
- การตรวจ Pap Smear (แปปสเมียร์) คือวิธีการตรวจแบบดั้งเดิม โดยสูตินรีแพทย์จะใช้ไม้พายขนาดเล็ก ป้ายบริเวณเนื้อเยื่อรอบปากมดลูก และเก็บเซลล์ลงบนแผ่นกระจกสไลด์ และส่งห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ด้วยกล้องจุลทรรศน์
- การตรวจ ThinPrep Pap Test (ตินเพรพ แปปเทส) เป็นวิธีที่พัฒนาจากการตรวจแบบดั้งเดิม เพื่อให้มีความละเอียดแม่นยำมากขึ้น โดยสูตินรีแพทย์จะใช้แปรงขนาดเล็กป้ายเนื้อเยื่อรอบปากมดลูก และเก็บเซลล์ลงในน้ำยาที่มีคุณสมบัติเฉพาะในการรักษาสภาพ และส่งห้องปฏิบัติการเพื่อใช้เครื่องปั่นแยกเซลล์ปากมดลูกออกจากมูกและเซลล์เม็ดเลือดที่ปนเปื้อน เพื่อให้สามารถตรวจความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- การตรวจหาเชื้อไวรัส HPV DNA มักทำการตรวจควบคู่ไปพร้อมกับการตรวจ ThinPrep pap test เพื่อค้นหาการติดเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงในการทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก โดยการตรวจทั้งสองอย่างนี้ เรียกว่า Co-Test ซึ่งเป็นการตรวจที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพสูง
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สามารถตรวจพบการติดเชื้อรา หรือ แบคทีเรียในช่องคลอดได้ด้วย แต่ไม่สามารถตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองใน หนองในเทียมได้ ต้องทำการตรวจแยกเพิ่มเติม
ตรวจมะเร็งปากมดลูก อายุเท่าไหร่ควรเริ่มตรวจ และความถี่ในการตรวจต้องบ่อยแค่ไหน?
- แนะนำเริ่มตรวจคัดกรองในสตรีอายุ 21 ปีขึ้นไป หรือ เคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้วอย่างน้อย 1 ปี
- สตรีที่อายุ 21-29 ปี ควรได้รับการตรวจเซลล์ปากมดลูก (Pap Smear หรือ ThinPrep pap test) ทุกปี หากผลปกติต่อเนื่อง 3 ครั้ง สามารถตรวจทุก 2 ปีได้
- สตรีที่อายุ 30 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจหาเชื้อไวรัส HPV หรือ Co-test ถ้าหากผลตรวจปกติให้ทำการตรวจซ้ำทุก 3-5 ปี
- ไม่มีเกณฑ์อายุที่กำหนดการหยุดตรวจคัดกรอง หากมีความเสี่ยงหรือยังมีเพศสัมพันธ์
- สตรีที่เคยได้รับการรักษารอยโรคก่อนเป็นมะเร็ง (CIN 2-3/AIS) หรือมะเร็งปากมดลูก ยังคงมีความเสี่ยงสูงต่อการคงอยู่หรือกลับเป็นซ้ำของโรค จึงควรได้รับการตรวจติดตามเป็นระยะตามคำแนะนำของแพทย์
- สตรีที่ได้รับการผ่าตัดเอามดลูกรวมทั้งปากมดลูกออกแล้ว และไม่มีประวัติเคยตรวจพบรอยโรคก่อนเป็นมะเร็ง หรือมะเร็งปากมดลูก อาจไม่ต้องเข้ารับการตรวจคัดกรอง แต่ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาเป็นราย ๆ ไป
ก่อนตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ตรวจแปปสเมียร์ ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
- ตรวจมะเร็งปากมดลูก ควรหลีกเลี่ยงการตรวจช่วงที่มีประจำเดือน
- ตรวจมะเร็งปากมดลูก งดมีเพศสัมพันธ์ งดสวนล้างช่องคลอด งดการใช้ยาสอดช่องคลอด อย่างน้อย 2 วันก่อนทำการตรวจ
เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้อาจมีผลต่อความแม่นยำในการตรวจเซลล์ปากมดลูกได้
ตรวจแปปสเมียร์ มีขั้นตอนอย่างไร?
- ผู้เข้ารับการตรวจจะเปลี่ยนเป็นชุดที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้
- ถ่ายปัสสาวะให้หมดก่อนรับการตรวจ
- นอนหงาย วางขาบนขาหยั่ง อยู่ในท่าที่ผ่อนคลาย ไม่เกร็ง
- สูตินรีแพทย์จะทำการสอดเครื่องมือเข้าไปในช่องคลอด เพื่อทำการถ่างขยายให้เห็นปากมดลูกที่อยู่ด้านใน
- ระหว่างการใส่เครื่องมือและเก็บเซลล์ปากมดลูก อาจรู้สึกถึงแรงกดเล็กน้อยในอุ้งเชิงกราน
- ขณะทำการตรวจจะมีผู้ช่วยแพทย์หรือพยาบาลผู้หญิงอยู่ด้วยตลอดเวลา
- หลังได้รับการตรวจ อาจมีความรู้สึกหน่วง ๆ ท้องน้อย หรือมีเลือดออกเล็กน้อยทางช่องคลอด ไม่เกิน 24 ชม. แล้วอาการดังกล่าวจะหายไป
- ผลการตรวจจะถูกส่งให้ภายหลัง ประมาณ 7-10 วัน
ภาพจากกล้องจุลทรรศน์ในการทดสอบ Pap Smear
ผลตรวจ Pap smear
- ผลลบ (ไม่พบเซลล์ผิดปกติ) หรือ พบการอักเสบเล็กน้อยที่ปากมดลูก: ไม่จำเป็นต้องรับการรักษาเพิ่มเติม ให้ตรวจคัดกรองครั้งถัดไปตามคำแนะนำของแพทย์
- ตรวจพบการติดเชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด: ควรเข้ามาพบแพทย์เพื่อรับการรักษาต่อไป
- ผลบวก (ตรวจพบเซลล์ผิดปกติ): ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการตรวจติดตามหรือการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น การตรวจปากมดลูกด้วยการส่องกล้องคอลโปสโคป
- สรุปผลไม่ได้ หรือเซลล์ไม่เพียงพอต่อการตรวจ พบได้ในสตรีวัยหมดประจำเดือนหรือมีภาวะช่องคลอดแห้ง อาจจำเป็นต้องรับการตรวจซ้ำ
- การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก อาจให้ผลลบลวง หรือผลบวกลวงได้ และอาจจำเป็นต้องได้รับการตรวจซ้ำ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจมะเร็งปากมดลูก ตรวจแปปสเมียร์
- การตรวจภายในกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเหมือนกันหรือไม่?
การตรวจภายใน สูตินรีแพทย์จะตรวจโดยการดูความผิดปกติของอวัยวะเพศภายนอก, ช่องคลอดและปากมดลูกด้วยตาเปล่า รวมทั้งคลำดูขนาดของมดลูกและรังไข่ หรืออวัยวะเพศส่วนอื่น ๆ เพื่อหาความผิดปกติ เช่น ติ่งเนื้อ เนื้องอก หรือถุงน้ำ เป็นต้น และอาจทำการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกไปในคราวเดียวกันด้วย - ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกแล้ว จำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือไม่?
สตรีที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ควรได้รับการตรวจเช่นเดียวกับสตรีทั่วไป เนื่องจากวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกไม่ได้ครอบคลุมไวรัส HPV ทุกสายพันธ์ที่ก่อมะเร็งซึ่งมีจำนวนมาก
คำแนะนำจากแพทย์โรงพยาบาลเมดพาร์ค
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ตรวจแปปสเมียร์ ไม่น่ากลัวและไม่เจ็บอย่างที่คิด หากได้รับการตรวจกับแพทย์ที่มีความชำนาญ และการตรวจนั้นมีความจำเป็น เนื่องจากหากพบเซลล์ที่ผิดปกติหรือเซลล์มะเร็งตั้งแต่ระยะแรก จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ หากท่านมีข้อสงสัยหรือกังวลใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกสูตินรีเวช ชั้น 7 เคาน์เตอร์ D โรงพยาบาลเมดพาร์ค โทร. 02-090-3135