ไอเรื้อรัง ในผู้ใหญ่ คืออาการไอต่อเนื่องนาน 2 เดือน หรือนานกว่านั้น ส่วนอาการไอเรื้อรังในเด็ก จะมีอาการเกิดขึ้นนานกว่า 1 เดือน อาการไอนั้นน่ารำคาญใจ และยังรบกวนคุณภาพการนอน รู้สึกไม่สดชื่นหลังตื่นนอน ในรายที่มีอาการไอรุนแรง อาจมีอาการวิงเวียน คลื่นไส้ หรือกระดูกซี่โครงหักได้
ในบางกรณี การวินิจฉัยหาสาเหตุที่กระตุ้นการไอเรื้อรังอาจทำได้ยาก แต่สาเหตุของอาการไอเรื้อรังที่พบได้บ่อย ได้แก่ การสูบบุหรี่ ภูมิแพ้ กรดไหลย้อน หรือมีเสมหะในลำคอมากเกินไป เมื่อระบุและรักษาต้นเหตุของอาการได้แล้ว อาการมักดีขึ้นและหายไปในที่สุด
ไอเรื้อรัง มีอาการอย่างไร
เมื่อผู้ป่วยมีอาการไอเรื้อรัง ผู้ป่วยมักมีอาการดังต่อไปนี้
- มีน้ำมูก คัดจมูก หรือมีเสมหะ
- คันคอ เจ็บคอ
- เสียงแหบ
- หายใจมีเสียงหวีด หายใจไม่ทัน
- ปากมีรสเปรี้ยว แสบร้อนบริเวณหน้าอก
- ไอเป็นเลือด แต่มักพบได้น้อย
ไอเรื้อรัง ควรพบแพทย์เมื่อไร
ผู้ป่วยควรพบแพทย์หากไอติดต่อกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และมีน้ำมูก เสมหะ หรือไอเป็นเลือด หรืออาการไอรบกวนการนอน การเรียน หรือการทำงาน
การไอเป็นครั้งคราวเป็นเรื่องปกติ การไอ คือการที่ร่างกายตอบสนอง เพื่อต้องการกำจัดสิ่งระคายเคืองหรือมูกเสมหะในปอด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ การไออย่างต่อเนื่องมักมีสาเหตุมาจากโรคใดโรคหนึ่งหรือหลายโรค
ไอเรื้อรัง เกิดจากสาเหตุอะไร
- โรคจมูกหรือไซนัส เมื่อร่างกายมีการผลิตน้ำมูกมากเกินไปจนไหลลงคอ ทำให้เกิดอาการไอ
- หากอาการไอเกิดจากโรคหอบหืด อาการมักเป็น ๆ หาย ๆ ขึ้นอยู่กับอากาศ หากระบบทางเดินหายใจส่วนบนติดเชื้อหรือปะทะอากาศเย็น มลพิษ หรือสิ่งระคายเคือง อาการไอที่เกิดจากโรคภูมิแพ้จะรุนแรงมากขึ้น การไอมักเกิดจากโรคหอบหืดและหลอดลมตีบแบบไม่รุนแรง
- เมื่อกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดลมและทำให้ระคายเคือง ก่อให้เกิดอาการไอเรื้อรัง ซึ่งอาการไอมักทำให้โรคกรดไหลย้อนรุนแรงมากขึ้น
- เมื่อรักษาอาการของโรคไข้หวัด โรคปอดติดเชื้อ หรือโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบนแล้ว ผู้ป่วยมักจะยังมีอาการไออยู่ โรคไอกรนเป็นสาเหตุของอาการไอที่พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ แต่มักถูกมองข้าม โรคติดเชื้อทางปอดโรคอื่น ๆ ได้แก่ โรคเชื้อราในปอด วัณโรค โรคติดเชื้อมัยโคแบคทีเรียก็อาจทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง โดยเฉพาะกลุ่มอาการ long covid
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ได้แก่ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังและโรคถุงลมโป่งพอง เป็นภาวะปอดอักเสบเรื้อรัง ร่วมกับมีทางเดินหายใจอุดกั้น โรคหลอดลมอักเสบมักมีอาการไอและเสมหะมีสี โรคถุงลมโป่งพองมักมีอาการหายใจไม่ทันและถุงลมปอดถูกทำลาย
- ยาลดความดันโลหิต เช่น angiotensin-converting enzyme inhibitors (ACEI) สำหรับโรคหัวใจล้มเหลวหรือความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุของโรคไอเรื้อรังในผู้ป่วยบางราย
โรคอื่น ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของโรคไอเรื้อรัง แต่มักพบได้น้อย ได้แก่
- การสำลักอาหารในผู้ใหญ่หรือสิ่งแปลกปลอมในเด็ก
- หลอดลมโป่งพอง
- หลอดลมฝอยอักเสบ
- โรคซิสติกไฟโบรซิส
- โรคพังผืดที่ปอด
- โรคกรดไหลย้อนขึ้นมาที่คอและกล่องเสียง
- มะเร็งปอด
- หลอดลมอักเสบชนิดที่มีค่าอีโอซิโนฟิลสูง
- โรคซาร์คอย
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจะทำให้ไอเรื้อรัง
สาเหตุต้น ๆ ของโรคไอเรื้อรังคือการสูบบุหรี่ การสูดควันบุหรี่มือสองบ่อย ๆ ทำให้มีแนวโน้มที่จะมีอาการไอและปอดถูกทำลาย
ภาวะแทรกซ้อน
อาการไอเรื้อรัง และอาจะให้เกิดอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น
- ปวดศีรษะ
- วิงเวียน อาเจียน
- นอนหลับไม่สนิท
- หน้ามืดเป็นลม
- กระดูกซี่โครงหัก
- กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- เหงื่อออกมาก
ไอเรื้อรัง มีวิธีการตรวจวินิจฉัยอย่างไร
- แพทย์จะตรวจสอบประวัติและตรวจร่างกาย เพื่อหาสาเหตุของอาการไอเรื้อรังและให้การรักษาเบื้องต้น ถ้าไม่ตอบสนองต่อการรักษา แพทย์จะสั่งให้ตรวจวินิจฉัยโรคเพิ่มเติม ได้แก่ เอกซเรย์ การเอกซเรย์ปอดไม่อาจช่วยวินิจฉัยโรคหอบหืด กรดไหลย้อน หรือ มีเสมหะได้ แต่ช่วยวินิจฉัยโรคปอดติดเชื้อ มะเร็งปอด หรือโรคปอดอื่น ๆ ได้ การเอกซเรย์ไซนัสช่วยวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบได้
- การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) ช่วยวินิจฉัยโรคไอเรื้อรังและไซนัสอักเสบ
การตรวจสมรรถภาพปอด
การตรวจสมรรถภาพปอดเป็นการตรวจที่ง่ายและไม่มีการรุกล้ำร่างกาย เช่น การตรวจสมรรถภาพปอดด้วยเครื่องสไปโรมิเตอร์ เพื่อตรวจโรคหอบหืดและ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เป็นการวัดความจุและประสิทธิภาพของปอดและการเป่าอากาศออก
การตรวจโรคหอบหืดเพื่อตรวจการทำงานของปอดก่อนและหลังกระตุ้นด้วยยาเมธาโคลีน (methacholine)
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
หากเสมหะมีสีเหลืองหรือเขียว อาจต้องมีการตรวจหาเชื้อแบคทีเรียเพิ่มเติม
การส่องกล้อง
หากไม่สามารถระบุสาเหตุของอาการไอได้ แพทย์จะสั่งการตรวจโดยการส่องกล้อง
- การส่องกล้องหลอดลมเป็นการตรวจปอดและทางเดินหายใจผ่านกล้องส่องหลอดลม แพทย์จะตัดชื้นเนื้อวินิจฉัยเพื่อหาความผิดปกติภายในทางเดินหายใจ
- การส่องกล้องโพรงจมูกเพื่อตรวจโพรงจมูก ไซนัส และทางเดินหายใจส่วนต้นด้วยกล้องไฟเบอร์ออปติก
ผู้ป่วยเด็ก
ในเด็ก แพทย์จะตรวจวินิจฉัยโรคไอเรื้อรังด้วยการเอกซเรย์ปอดและการตรวจสมรรถภาพปอดด้วยเครื่องสไปโรมิเตอร์
ไอเรื้อรัง มีวิธีรักษาอย่างไร
การให้การรักษาที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องหาสาเหตุของโรคไอเรื้อรัง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากโรคประจำตัวหลายโรค หากผู้ป่วยสูบบุหรี่ แพทย์อาจแนะนำโปรแกรมช่วยเลิกบุหรี่
แพทย์จะแนะนำให้เปลี่ยนตัวยาหากผู้ป่วยใช้ยา ACEI ซึ่งทำให้เกิดอาการไอ
ชนิดของยาที่ช่วยรักษาอาการไอ
- ยาแก้แพ้ ยาแก้อักเสบ ยาแก้คัดจมูก ซึ่งเป็นยาบรรเทาอาการภูมิแพ้และมีเสมหะ
ยารักษาหอบหืดสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไอจากโรคหอบหืดจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบและเปิดทางเดินหายใจ ยาเหล่านี้คือยาคอร์ติโคสเตียรอยด์และยาพ่นขยายหลอดลม
ยาปฏิชีวนะช่วยบรรเทาอาการไอซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือเชื้อวัณโรค - หากการปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตไม่ช่วยบรรเทาอาการไอจากกรดไหลย้อน อาจจะมีการจ่ายใช้ยายับยั้งการหลั่งของกรด ในบางรายอาจจำเป็นต้องผ่าตัด
- การไอจากบางสาเหตุจะมีการรักษาจำเพาะ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจ
ยาบรรเทาอาการไอ
แพทย์อาจสั่งยาบรรเทาการไอเพื่อบรรเทาอาการขณะที่ยังหาสาเหตุของโรคและเริ่มการรักษา
ยาจากร้านขายยาสามารถช่วยบรรเทาอาการไอและไข้หวัดได้ แต่ไม่สามารถรักษาโรคอื่น ๆ ได้ จากรายงานการวิจัยยาบรรเทาอาการไอและไข้หวัดให้ผลไม่แตกต่างไปจากยาหลอก และอาจมีผลข้างเคียงรุนแรง รวมถึงการใช้ยาเกินขนาดในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี
ไม่ควรให้ยาอื่น ๆ นอกจากยาลดไข้และยาแก้ปวดในเด็กอายุน้อยกว่า 6 ปี ควรเลี่ยงหรือพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนใช้ยาเหล่านี้ในเด็กอายุน้อยกว่า 12 ปี
อาการไอเรื้อรัง มีเสมหะ คันคอ ควรดูแลรักษาตัวที่บ้านและการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต
ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ และสามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้ ดังนี้
- ดื่มน้ำอุ่น เช่น ชา น้ำผลไม้ หรือน้ำซุปใสเพื่อช่วยกำจัดเสมหะและบรรเทาอาการเจ็บคอ
- รับประทานยาอมแก้เจ็บคอเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอและไอแห้ง
- รับประทานน้ำผึ้งบรรเทาอาการไอ แต่ไม่ควรให้ในเด็กทารกหรือเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปีเพราะน้ำผึ้งมีแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อเด็กทารก
- ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นที่บ้าน หรืออาบน้ำร้อนเพื่อสูดไอน้ำ
- งดสูบบุหรี่หรือสูดควันบุหรี่มือสองเพราะจะทำให้ปอดระคายเคืองและอาการไอแย่ลง พุดคุยกับแพทย์ถึงแนวทางที่เหมาะสมในการเลิกสูบบุหรี่ถ้าทำได้
การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์
หลังจากพบแพทย์แล้ว แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจกับแพทย์ระบบทางเดินหายใจเพิ่มเติม
สิ่งที่ผู้ป่วยพึงทำ ก่อนพบแพทย์ ควรจดบันทึก ดังต่อไปนี้
- อาการป่วยโดยละเอียด
- ประวัติอาการป่วยของตัวผู้ป่วยเอง
- ประวัติอาการป่วยของครอบครัว
- ชื่อยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รับประทานอยู่
- นิสัยการสูบบุหรี่ (ถ้าสูบ)
- คำถามอื่น ๆ ที่ต้องการถามแพทย์
คำถามที่แพทย์อาจถามผู้ป่วย
- มีอาการอะไรบ้างและเริ่มมีอาการเมื่อไร
- เป็นหวัด มีไข้ หรือติดโควิด 19 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหรือไม่
- สูบบุหรี่ หรือเคยสูบบุหรี่หรือไม่
- สูดควันบุหรี่มือสองที่บ้านหรือที่ทำงานหรือไม่
- ที่บ้านหรือที่ทำงานมีฝุ่นหรือการใช้สารเคมีหรือไม่
- มีอาการแสบร้อนหน้าอกหรือไม่
- ไอเป็นเลือดหรือไอมีเสมหะหรือไม่ สีของเสมหะเป็นสีอะไร
- รับประทานยารักษาโรคความดันโลหิตอยู่หรือไม่
- เริ่มมีอาการไอเมื่อไร
- อะไรที่ช่วยให้ไอน้อยลง
- เมื่อเจออากาศเย็น มีอากาศหายใจไม่ทันหรือหายใจมีเสียงหวีดหรือไม่
- ช่วงนี้เดินทางบ้างหรือไม่