ภาวะโคลิก (Colic) ลูกร้องไห้ไม่หยุด เกิดจากอะไร?
โคลิก (Colic) คืออะไร?
ภาวะโคลิกในทารก คือ อาการที่ลูกน้อยร้องติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน และเกิดขึ้นมากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์ ไม่ว่าจะพยายามปลอบโยนอย่างไรก็ไม่มีท่าทีที่อาการร้องไห้ของลูกน้อยจะหยุดลง ภาวะโคลิคมักจะเกิดขึ้นในเวลาเดิมของทุกวัน อย่างไม่มีสาเหตุ กินระยะเวลานานหลายชั่วโมง และมักจะเกิดขึ้นในช่วงบ่ายโมง ยาวไปจนถึงช่วงเวลาเย็น อาการที่เกิดขึ้นโดยไม่มีที่มาที่ไปนี้ จึงทำให้คนสมัยก่อนเรียกอาการนี้ว่า “เด็กเห็นผี” สามารถสังเกตอาการของทารกได้ดังนี้
- ร้องไห้จนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงสด หรือสีเข้มขึ้น
- มีสีหน้าบูดบึ้ง ไม่สดใสร่าเริง
- ขดขาขึ้นมาเหนือท้อง
- ท้องแข็งและบวมขึ้น
- มีอาการผายลมบ่อย
- กำมือแน่น
สาเหตุของการเกิดภาวะโคลิก (Colic) ในทารก
การร้องไห้อย่างหนักนี้ คืออาการที่ลูกน้อยต้องการจะสื่อสารว่ากำลังเกิดอาการจุกเสียดอยู่ในท้อง ไม่เกี่ยวข้องกับการเห็นผีแต่อย่างใด ภาวะโคลิคเกิดขึ้นกับเด็กประมาณ 20% ทั่วโลก อาการจุกเสียดในทารกอาจเกิดขึ้นจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
- การกลืนอากาศขณะกินนมแม่
- การกลืนอากาศขณะร้องไห้
- การแพ้อาหาร เช่น แพ้โปรตีนในนม
- ปริมาณอาหารที่ป้อนให้ทารกในแต่ละมื้อมีปริมาณมาก หรือน้อยเกินไป
- อาการกรดไหลย้อน
- อาการปวดศีรษะ
- ระบบย่อยอาหารไม่มีประสิทธิภาพ
- ปฏิกิริยาทางอารมณ์ เช่น ความหงุดหงิด ความกลัว ความตื่นเต้น
ภาวะโคลิก (Colic) เป็นอันตรายต่อทารกหรือไม่?
ภาวะโคลิก ที่เกิดจากอาการจุกเสียดของลูกน้อย ทำให้เกิดการร้องไห้อย่างหนัก ไม่มีความอันตรายใด ๆ มักจะเกิดขึ้นเป็นเวลาสั้น ๆ และจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภาวะโคลิกจะไม่มีผลกระทบต่อทารกในระยะยาว แต่อาจทำให้คนที่เป็นพ่อและแม่มือใหม่รู้สึกหงุดหงิด เหนื่อยล้า และเกิดความเครียดได้
ภาวะแทรกซ้อนของอาการโคลิก
อาการจุกเสียดที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะไม่มีความอันตรายต่อทารก แต่อาจส่งผลกระทบต่อพ่อแม่มือใหม่ได้ โดยเฉพาะผลกระทบต่อคนเป็นแม่ ภาวะโคลิกของลูกอาจทำให้คุณแม่เกิดความเครียดจนนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้
ข้อควรระวัง ในขณะที่ลูกกำลังเกิดภาวะโคลิค
สิ่งที่ควรระวังเมื่อลูกกำลังอยู่ในภาวะโคลิก คืออารมณ์ของพ่อและแม่ หากเกิดความเครียด ใจร้อน และโกรธที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรลูกน้อยก็ไม่หยุดร้องไห้ อาจทำให้ขาดสติ สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด คือการเขย่าลูกเพื่อให้ลูกหยุดร้องไห้ การเขย่าลูกด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดสามารถทำให้มีผลกระทบต่อสมองของลูก อาจทำให้ถึงขั้นตาบอด หรือเสียชีวิตได้ เมื่อคุณพ่อคุณแม่กำลังเกิดอาการเหล่านี้ ควรหาคนใกล้ชิด หรือผู้ช่วยมาดูแลลูกชั่วคราว เพื่อที่จะได้พักผ่อน พักสมองและจัดการกับอารมณ์หงุดหงิด หายใจเข้าออกช้า ๆ ให้เวลากับตัวเอง หรือควรปรึกษาแพทย์ถึงภาวะซึมเศร้าหลังคลอด
ระยะเวลาของภาวะโคลิกในทารก
หากคุณพ่อและคุณแม่มือใหม่กำลังเกิดความกังวลกับอาการร้องไห้อย่างหนักของลูกน้อย ควรทราบว่าอาการนี้จะเป็นแค่ช่วง 2-6 สัปดาห์หลังจากคลอด จากนั้นอาการจะค่อย ๆ เบาลงในช่วงที่ลูกน้อยมีอายุ 3-4 เดือน
เราจะรักษาภาวะโคลิกได้อย่างไร?
ภาวะโคลิคยังไม่มีวิธีการรักษาที่ระบุไว้อย่างชัดเจน มีเพียงแต่วิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการจุกเสียดของทารกเพื่อให้ทารกไม่ร้องไห้ได้ด้วยวิธีดังนี้
- ติดตามอาการของลูกน้อยหลังจากที่ให้นมลูก ในช่วงที่กำลังให้นมลูก ควรงดผลิตภัณฑ์จากนม คาเฟอีน ช็อกโกแลต ถั่ว หัวหอม กะหล่ำปี และหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย หรือหากใช้ผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับให้นมลูก ควรปรึกษาแพทย์และใช้นมผงเฉพาะ เพื่อลดความไวต่อโปรตีน
- การปลอบโยนลูกน้อยด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
- การสัมผัสของผิวหนัง (Skin-to-Skin) ระหว่างแม่กับลูก
- การห่อตัวในผ้าให้มิดชิด
- โยกตัวไปมาบนเก้าอี้หรือบนอ้อมแขน
- ร้องเพลงกล่อม หรือเปิดเพลงเบา ๆ
- ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในบริเวณรอบ ๆ
- อาบน้ำอุ่น
- ใช้จุกนมหลอก
- ใช้ยาขับลมไซเมทิโคน (Simethicone)
เมื่อไหร่ที่ควรพาทารกไปพบแพทย์
- เมื่อมีไข้สูง (ตั้งแต่ 38.5 องศาเซลเซียส)
- อาเจียนอย่างหนัก และมีสีเขียวหรือมีเลือดปน
- ท้องเสีย และมีเลือดปนกับอุจจาระ
ทารกทุกคนบนโลกร้องไห้เพียงเพราะต้องการจะสื่อสารอะไรบางอย่าง แต่หากลูกน้อยร้องไห้เป็นระยะเวลานานกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน และเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดิม ๆ ซ้ำกันมากกว่า 3 สัปดาห์ นั่นอาจหมายความว่าลูกน้อยของคุณกำลังเกิดภาวะโคลิก หรือมีอาการจุกเสียดท้อง หากลองพยายามบรรเทาอาการจุกเสียดด้วยวิธีที่กล่าวมาข้างต้นแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรนัดหมายกุมารแพทย์ เพื่อปรึกษาและแก้ไขปัญหาดังกล่าว