ภาวะเท้าแบน
เท้าแบน (Flat feet) หรือที่ทางการแพทย์เรียกกันว่า ภาวะเท้าแบน (Flatfoot) เป็นภาวะที่เท้าไม่มีส่วนโค้งที่บริเวณอุ้งเท้า เมื่อยืน อุ้งเท้าจะแบน สัมผัสกับพื้น โดยเด็กแรกเกิดนั้นจะมีเท้าที่แบน จนอายุ 6 ปี จึงเริ่มมีอุ้งเท้า โดยทุก ๆ 10 คนจะมี 2 คนที่เท้าแบนจนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ นอกจากนี้ผู้ใหญ่บางรายอาจเริ่มมีอาการเอ็นที่เท้าเสื่อมจนอุ้งเท้าเริ่มแบน
อาการเอ็นที่เท้าเสื่อมจนอุ้งเท้าเริ่มแบน (fallen arches) โดยปกติแล้วภาวะเท้าแบนมักไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ แต่ภาวะเท้าแบนอาจกลายเป็นปัญหาได้หากเป็นต่อเนื่องมาตั้งแต่วัยเด็กหรือเพิ่งมาเริ่มเป็นในวัยผู้ใหญ่
ชนิดของภาวะเท้าแบน
- เท้าแบนแบบยืดหยุ่น เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด ขณะที่ไม่ได้ยืนจะมองเห็นส่วนโค้งของเท้าได้ แต่เมื่อยืนหรือลงน้ำหนักลงที่เท้า ส่วนโค้งจะหายไป ภาวะนี้อาจสืบเนื่องมาตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น อาการมักแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากเส้นเอ็นกล้ามเนื้อและเอ็นยึดเริ่มยืดออก ฉีกขาด หรือบวม
- เท้าแบนแบบติดแข็ง อาการมักเริ่มในช่วงวัยรุ่น เมื่อนั่งหรือยืนจะมองไม่เห็นส่วนโค้งของเท้า การงอเท้าหรือขยับเท้าไปด้านข้างทำได้ยากและปวด
- เท้าแบนในผู้ใหญ่ เนื่องจากเอ็นในขาที่พยุงส่วนโค้งของเท้าฉีกขาด ส่วนโค้งของเท้าจึงยุบตัวลงฉับพลัน เกิดอาการปวดมาก
- กระดูกข้อเท้าตั้งตรงแต่กำเนิด (Vertical talus) หรือขาเก้าอี้โยก (Rocker-bottom foot) เป็นความผิดปกติโดยกำเนิด เนื่องจากกระดูก talus ในข้อเท้าอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง
อาการเท้าแบน เป็นอย่างไร?
ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการใด ๆ ในขณะที่บางรายอาจมีอาการที่พบบ่อย คือ ปวดเท้าด้านในจากเส้นเอ็นอักเสบ ขาเป็นตะคริว ปวดกล้ามเนื้อขา ปวดอุ้งเท้า ปวดส้นเท้า หรือปวดบริเวณเท้าด้านนอกจากกระดูกเท้าแบนและล้มไปเสียดสีกัน ปวดเวลาเดินหรือเปลี่ยนท่าเดิน
อะไรคือสาเหตุที่ของภาวะเท้าแบน?
ภาวะเท้าแบนอาจเป็นกรรมพันธุ์ แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีปัญหาสุขภาพที่เพิ่มความเสี่ยงให้เท้าแบนได้ เช่น ดาวน์ซินโดรม สมองพิการ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ตั้งครรภ์ หรือกระดูกเท้าหัก
การตรวจวินิจฉัยภาวะเท้าแบน มีกี่วิธี อะไรบ้าง?
-
การตรวจร่างกาย
แพทย์จะตรวจเท้าและสังเกตรอยที่รองเท้าเพื่อดูกลไกการทำงานของเท้าและท่าทางการเดิน หากผู้ป่วยมีอาการปวด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ โดยแพทย์อาจให้พบกับนักบาทานามัยหรือศัลยแพทย์ด้านกระดูกและข้อเพิ่มเติม -
การตรวจวินิจฉัยด้วยภาพถ่าย
- การเอกซเรย์ เป็นการถ่ายภาพกระดูกและข้อต่อที่เท้า ประเมินแนวของเท้า และช่วยตรวจพบภาวะข้ออักเสบได้
- การทำซีทีสแกน (CT scan) จะแสดงภาพที่ละเอียดกว่าการเอกซ์เรย์ มักทำในกรณีเท้าแบนแบบติดแข็ง เพื่อดูตำแหน่งของกระดูกที่เชื่อมกัน หรือในกรณีที่มีเท้าแบนร่วมกับข้อเสื่อม
- อัลตราซาวด์ แสดงภาพเนื้อเยื่ออ่อนที่เท้าเพื่อดูว่าเส้นเอ็นได้รับบาดเจ็บหรือไม่
- การทำ MRI ช่วยให้เห็นภาพของกระดูก เนื้อเยื่ออ่อน และเส้นเอ็นข้อเท้าฉีก
รักษาอาการเท้าแบนได้อย่างไร?
โดยปกติแล้วการรักษาภาวะเท้าแบนนั้นไม่จำเป็นหากภาวะดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ หรือไม่ทำให้รู้สึกปวด ในผู้ป่วยที่มีอาการปวด แพทย์อาจแนะนำให้เข้ารับการบำบัด
- การบำบัด ช่วยบรรเทาอาการปวด แต่ไม่สามารถทำให้เท้ากลับมาตรงได้
- แผ่นรองอุ้งเท้า สามารถออกแบบให้เหมาะกับสรีระเท้าของแต่ละบุคคล แต่ไม่สามารถช่วยรักษาภาวะเท้าแบนได้
- การยืดเหยียด จะช่วยยืดเอ็นร้อยหวายที่สั้นลงได้
- การทำกายภาพบำบัดช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่เท้าและปรับปรุงท่าทางการเดินให้ดีขึ้น
- การผ่าตัด แพทย์จะพิจารณาทำการรักษาด้วยการผ่าตัดเมื่อการรักษาด้วยการบำบัดนั้นไม่สามารถบรรเทาอาการหรือความเจ็บปวดได้ หรือผู้ป่วยมีอาการปวดเรื้อรังขัดขวางการใช้ชีวิตประจำวัน โดยมีทั้งการผ่าตัดแบบแผลเล็ก (MIS) และการผ่าตัดแบบปกติ
การปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตและการดูแลรักษาตัวเองที่บ้าน
เพื่อบรรเทาอาการ ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตัวได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูง เช่น การวิ่งหรือกระโดด ซึ่งจะทำให้อาการแย่ลง ควรว่ายน้ำ เดิน หรือขี่จักรยานแทน
- สวมใส่แผ่นรองอุ้งเท้า
- รับประทานยาแก้ปวด เช่น ไอบูโปรเฟน หรือนาพรอกเซน โซเดียม
- ลดน้ำหนักตัว เพื่อลดแรงกดบนฝ่าเท้า
การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์
สวมใส่รองเท้าที่ใช้เป็นประจำไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ประเมินลักษณะการใส่รองเท้าและพิจารณาว่ารองเท้านั้นเหมาะกับผู้ป่วยหรือไม่
เตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่แพทย์อาจจะถาม ยกตัวอย่าง เช่น
- เริ่มมีอาการเมื่อไร ?
- รู้สึกปวดตื้อ ปวดจี๊ด หรือปวดแสบปวดร้อนหรือไม่ อาการปวดส่งผลต่อชีวิตประจำวันหรือไม่?
- อะไรที่ทำให้อาการดีขึ้นหรือแย่ลง?
- ปกติแล้วใส่รองเท้าแบบใด?
- มีปัญหาสุขภาพอย่างอื่นด้วยหรือไม่?
- เคยได้รับบาดเจ็บที่เท้าหรือข้อเท้าหรือไม่?
- มีใครในครอบครัวมีภาวะเท้าแบนบ้างหรือไม่?
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- คำถาม: ภาวะเท้าแบนทำให้เกิดอาการปวดหรือไม่?
คำตอบ: ความชุกของโรคในผู้ใหญ่นั้นอยู่ที่ราว 30% แต่ภาวะเท้าแบนนั้นมักจะไม่ก่อให้เกิดอาการปวดใด ๆ และไม่ต้องเข้ารับการรักษา - คำถาม: แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยภาวะเท้าแบนได้อย่างไร?
คำตอบ: แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยภาวะเท้าแบนได้จากการตรวจร่างกาย โดยฝ่าเท้าจะมีส่วนโค้งน้อยหรือสัมผัสกับพื้นราบไปทั้งหมด - คำถาม: เป็นเรื่องปกติที่เด็ก ๆ จะมีภาวะเท้าแบนใช่หรือไม่?
คำตอบ: เด็กแรกเกิดจะมีฝ่าเท้าที่แบนและยืดหยุ่น เมื่ออายุ 3 ปีเท้าจะเริ่มมีส่วนโค้ง จนอายุ 7 ปีเท้าจะมีส่วนโค้งเต็มเหมือนผู้ใหญ่ - คำถาม: อายุที่เหมาะแก่การเข้ารับการผ่าตัดคือเท่าไร?
คำตอบ: การเข้ารับการผ่าตัดเมื่ออายุยังน้อยนั้นจะได้ผลดีเนื่องจากกระดูกยังมีความยืดหยุ่นสูง ผู้ป่วยที่อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปอาจต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติมเนื่องจากกระดูกยืดหยุ่นน้อยลง - คำถาม: การผ่าตัดรักษาภาวะเท้าแบนจะทำให้สูงขึ้นหรือไม่?
คำตอบ: การผ่าตัดแก้ภาวะเท้าแบนนั้นอาจทำให้ยืนตัวตรงมากขึ้น จึงดูสูงขึ้น แต่จริง ๆ แล้วความสูงอาจเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
บันทึกคุณหมอ
ภาวะเท้าแบน เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในเด็กแรกเกิด เมื่ออายุ 6 ปี เท้าของเด็ก ๆ จะเริ่มมีส่วนโค้งตรงบริเวณอุ้งเท้า ดังนั้นหากอายุมากกว่า 6 ปีและยังไม่มีอุ้งเท้าจะให้การวินิจฉัยว่ามีเท้าแบน ในบางกรณีภาวะเท้าแบนจะเกิดขึ้นในวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่เนื่องจากเอ็นข้อเท้าอ่อนแรง หากมีอาการ ควรรีบเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ การสวมใส่แผ่นรองอุ้งเท้าสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและอาการอักเสบได้ ในกรณีที่มีอาการปวดรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้เข้ารับการผ่าตัด แต่มักพบได้น้อย