เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
- ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
- อาการของภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
- สาเหตุของภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
- ปัจจัยเสี่ยงภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
- การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์
- วิธีการรักษา ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด เป็นอาการที่มักพบได้บ่อยในทารก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทารกที่คลอดก่อนกำหนด (ก่อน 38 สัปดาห์) โดยมีสาเหตุมาจากการที่ตับของทารกยังพัฒนาไม่สมบูรณ์เต็มที่ จึงไม่สามารถกำจัดสารบิลิรูบิน (bilirubin) ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาการของภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด ได้แก่ อาการตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งมักปรากฎอาการในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด โดยส่วนใหญ่แล้วภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดมักไม่รุนแรงและหายได้เองเมื่อการพัฒนาของตับสมบูรณ์ ระดับบิลิรูบินที่สูงมากอาจทำให้ทารกเสี่ยงต่อภาวะสมองได้รับความเสียหายแต่มักพบได้น้อยมาก
อาการของภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
- ตัวเหลือง
- ตาเหลือง
- ใต้ลิ้นเหลือง
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในแสงธรรมชาติ และทดสอบได้โดยการใช้นิ้วกดลงบนจมูกหรือหน้าผากของทารก หากผิวยังเหลือง นั่นแสดงว่าทารกมีภาวะตัวเหลือง
สาเหตุของภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
- ภาวะบิลิรูบินในเลือดสูง
- ภาวะเลือดออก
- การติดเชื้อในกระแสเลือด
- การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
- ภาวะเลือดของแม่และบุตรไม่เข้ากัน
- ตับทำงานผิดปกติ
- โรคท่อน้ำดีตีบตันในทารก
- ภาวะขาดเอนไซม์
- การสลายของเม็ดเลือดแดง
ปัจจัยเสี่ยภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
- คลอดก่อนกำหนด: ทารกที่คลอดก่อนกำหนด นั่นคือก่อนอายุครรภ์ครบ 38 สัปดาห์ จะยังไม่พัฒนาไม่เต็มที่ ซึ่งจะยังไม่สามารถย่อยสารบิลิรูบินได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกับทารกที่คลอดตามกำหนด นอกจากนี้ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมักรับประทานนมและขับถ่ายน้อยกว่า ทำให้ร่างกายขจัดสารบิลิรูบินออกได้ช้า ทำให้เสี่ยงที่จะตัวเหลือง
- รอยช้ำจากการคลอด: ทารกที่มีรอยช้ำจากการคลอดมีความเสี่ยงที่จะมีสารบิริลูบินในเลือดสูง
- หมู่เลือดไม่เข้ากัน: หากหมู่เลือดของมารดาแตกต่างจากบุตร บุตรอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเม็ดเลือดแดงแตกสลายในทารกแรกเกิด ซึ่งทำให้ระดับบิลิรูบินสูง จนเกิดภาวะตัวเหลืองได้
วิธีการตรวจวินิจฉัยภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจเลือดเพื่อวัดระดับสารบิลิรูบิน
- การตรวจวัดระดับบิลิรูบินทางผิวหนัง
เมื่อไรควรพบแพทย์
วันที่ 3 และวันที่ 7 หลังคลอดเป็นช่วงที่ระดับบิลิรูบินสูงที่สุด ควรรีบพาทารกไปพบแพทย์ หากทารกมีอาการดังต่อไปนี้
- ตัวเหลือง โดยเฉพาะในบริเวณตาขาว ท้อง แขนและขา
- ซึมลงหรือป่วย
- น้ำหนักไม่ขึ้นหรือไม่ยอมดูดนม
- ร้องไห้ผิดปกติหรือเสียงสูงเหมือนเจ็บปวด
- อาการอื่น ๆ เช่น อาเจียน ท้องเสีย หายใจลำบาก หรือมีพฤติกรรมที่แปลกออกไป
การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์
หากทารกมีความเสี่ยงที่จะมีภาวะตัวเหลือง แพทย์จะนัดให้มาตรวจเพิ่มเติม เมื่ออยู่ที่บ้านควรหมั่นสังเกตอาการและเตรียมตอบคำถามเหล่านี้
- ทารกรับประทานนมแม่หรือไม่ วันละกี่ครั้ง
- ทารกปัสสาวะวันละกี่ครั้ง
- มีสัญญาณหรืออาการป่วยใด ๆ หรือไม่
- สีผิวหรือตาขาวของทารกเปลี่ยนไปหรือไม่
บิดาหรือมารดาสามารถจดคำถามที่ต้องการถามแพทย์เพิ่มเติมได้ ยกตัวอย่างเช่น
- ภาวะตัวเหลืองเกิดจากอะไร
- จำเป็นต้องตรวจอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
- แพทย์จะแนะนำการรักษาด้วยวิธีใด
- อาการที่เป็นอยู่รุนแรงหรือไม่
วิธีการรักษา ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
ภาวะตัวเหลืองที่ไม่รุนแรงนั้นสามารถหายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา แต่ถ้าทารกได้รับการตรวจวินิจฉัยว่ามีภาวะตัวเหลืองปานกลางถึงรุนแรง ควรเข้ารับการรักษา ดังต่อไปนี้
- การรักษาด้วยการส่องไฟ เป็นการใช้แสงสีฟ้าขาวจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ เพื่อปรับเปลี่ยนรูปร่างและโครงสร้างโมเลกุลของสารบิลิรูบิน เพื่อให้ร่างกายสามารถขับสารดังกล่าวออกทางปัสสาวะและอุจจาระ
- การถ่ายเลือด หากทารกมีภาวะตัวเหลืองรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น
การดูแลที่บ้าน
การให้นมแม่บ่อย ๆ จะช่วยให้ทารกได้รับสารอาหารเพียงพอและป้องกันไม่ให้น้ำหนักตัวลด ยิ่งบริโภคนมแม่บ่อย ก็ยิ่งขับถ่ายบ่อย ช่วยให้ขจัดสารบิลิรูบินได้ไวขึ้น