เลือกหัวข้อที่อ่าน
- ภาวะหลังค่อม คืออะไร
- หลังค่อม มีอาการอย่างไร
- หลังค่อม เกิดจากสาเหตุอะไร
- หลังค่อม มีวิธีการตรวจวินิจฉัยอย่างไร
- หลังค่อม มีวิธีการรักษาอย่างไร
- หลังค่อม มีวิธีการป้องกันอย่างไร
ภาวะหลังค่อม (Kyphosis) คืออะไร
ภาวะหลังค่อม (Kyphosis) เกิดจากการที่หลังส่วนบน (บริเวณช่วงอก) โค้งมาด้านหน้า โดยมีสาเหตุมาจากกระดูกสันหลังที่โค้ง หลังที่ค่อมไม่มากอาจไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง แต่อาจส่งผลให้ลุกยืนลำบาก ส่วนในกรณีที่รุนแรง อาจทำให้รู้สึกเจ็บและหายใจลำบากได้ วิธีรักษาภาวะหลังค่อมจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ ระดับความรุนแรง ประเภทของภาวะหลังค่อม ประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย และปัญหาเรื่องการหายใจ
หลังค่อม มีกี่ประเภท
หลังค่อม แบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- หลังค่อมจากการทรงท่าที่ไม่ถูกต้อง (Postural Kyphosis): ภาวะหลังค่อมประเภทนี้เป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในวัยรุ่น ประเภทนี้เป็นผลมาจากการทรงท่า (การอยู่ในท่าใดท่าหนึ่ง) ที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งส่งผลให้เอ็นและกล้ามเนื้อที่ยึดกระดูกสันหลังให้อยู่กับที่นั้นถูกยืดออก อย่างไรก็ดี ภาวะหลังค่อมประเภทนี้ไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด
- โรคกระดูกสันหลังโก่งในเด็ก (Scheuermanns Kyphosis): เป็นโรคที่กระดูกสันหลังมีรูปทรงลิ่มแทนที่จะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ยังไม่ทราบว่าสาเหตุที่แน่ชัดของโรคนี้คืออะไร กระดูกสันหลังที่มีรูปทรงเป็นลิ่มจะทำให้สันหลังโค้งงอไปด้านหน้า ส่งผลให้หลังค่อม โรคกระดูกสันหลังโก่งในเด็กอาจทำให้รู้สึกเจ็บปวดได้ โดยเฉพาะเมื่อยืนหรือนั่งเป็นเวลานาน
- หลังค่อมแต่กำเนิด (Congenital Kyphosis): ภาวะหลังค่อมประเภทนี้เป็นภาวะที่เด็กประสบตั้งแต่แรกเกิด โดยมีสาเหตุมาจากกระดูกสันหลังพัฒนาไม่สมบูรณ์ขณะอยู่ในมดลูก อาการจะรุนแรงมากขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ภาวะหลังค่อมแต่กำเนิดรักษาได้ด้วยการผ่าตัด ช่วยป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงได้
- กระดูกต้นคอโก่ง (Cervical Kyphosis): ประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อกระดูกสันหลังส่วนต้น หรือส่วนที่อยู่ใต้ศีรษะโค้งไปด้านหน้าแทนที่จะโค้งไปด้านหลัง
- หลังค่อมมากกว่าปกติ (Hyper-kyphosis): ประเภทนี้เป็นภาวะที่หลังค่อมมากกว่า 50 องศา พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
- หลังค่อมจากข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดชิด (Ankylosing spondylitis): เป็นโรคในกลุ่มโรคข้อกระดูกสันหลังและข้อระยางค์อักเสบ (Spondyloarthropathy หรือ Spondyloarthritis) ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดสะโพกหรือปวดหลังเรื้อรัง
หลังค่อม เกิดจากสาเหตุอะไร
หลังค่อม เกิดจากการที่รูปทรงของกระดูกสันหลังกลายเป็นทรงลิ่มมากขึ้น โดยปัจจัยที่ทำให้รูปทรงของกระดูกสันหลังผิดปกติ ได้แก่
- กระดูกหัก: กระดูกสันหลังที่โค้งงออาจมีสาเหตุมาจากการแตกหัก ตัวอย่างเช่น ภาวะกระดูกสันหลังยุบตัว ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้มากที่สุด
- ภาวะกระดูกพรุน: เมื่อภาวะกระดูกพรุนส่งผลให้กระดูกสันหลังแข็งแรงน้อยลง กระดูกสันหลังอาจโค้งได้ โดยเฉพาะหากกระดูกสันหลังเกิดการยุบตัวด้วย
- หมอนรองกระดูกเสื่อม: หมอนรองกระดูกสันหลังทำหน้าที่เป็นเหมือนเบาะรองรับกระดูกสันหลัง หากหมอนรองกระดูกเหล่านี้เสื่อมลง ภาวะหลังค่อมอาจรุนแรงขึ้น
- ปัญหาอื่น ๆ: ภาวะหลังค่อมในเด็กอาจสัมพันธ์กับโรคอื่น ๆ เช่น โรคหนังยืดผิดปกติ (Ehlers-Danlos Syndrome) ทั้งนี้ พันธุกรรมยังอาจมีส่วนในการก่อให้เกิดภาวะหลังค่อมแต่กำเนิดด้วย
หลังค่อม มีอาการอย่างไร
อาการที่พบได้ทั่วไปของภาวะหลังค่อม ได้แก่
- หลังส่วนบนโค้ง
- คอยื่น
- ไหล่ห่อ
- กล้ามเนื้อแฮมสตริงตึง
ภาวะหลังค่อมรุนแรงอาจส่งผลให้เกิดอาการต่อไปนี้
- ทรงตัวไม่อยู่
- กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ กลั้นอุจจาระไม่อยู่
- เหนื่อยล้ามาก
- หายใจติดขัด หายใจถี่
- ขาชาหรืออ่อนแรง
- ไหล่และหลังติดแข็งหรือเจ็บ
ภาวะแทรกซ้อนของภาวะหลังค่อม
- มีปัญหาในการดำเนินกิจวัตรประจำวัน: ภาวะหลังค่อมสัมพันธ์กับอาการกล้ามเนื้อหลังอ่อนแรงและปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ลุกจากเก้าอี้หรือเดิน นอกจากนี้ยังทำให้มีปัญหาในการขับรถ และเงยหน้ามองได้ลำบาก
- ปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร: เมื่อหลังค่อมมากจนไปบีบลำไส้ อาจทำให้เกิดปัญหา เช่น กรดไหลย้อนและกลืนลำบากได้
- ปัญหาเรื่องรูปลักษณ์: ผู้ที่มีหลังค่อมอาจรู้สึกไม่พึงพอใจกับรูปร่างตัวเอง
หลังค่อมจะกลายเป็นกระดูกสันหลังคดได้หรือไม่?
ภาวะหลังค่อม จะไม่กลายเป็นภาวะกระดูกสันหลังคด แม้ภาวะทั้งสองจะส่งผลกระทบต่อกระดูกสันหลังเหมือนกัน แต่ภาวะหลังค่อมเกิดขึ้นเมื่อกระดูกสันหลังโค้งนูน ขณะที่ภาวะกระดูกสันหลังคดเกิดเมื่อกระดูกสันหลังโค้งไปด้านซ้ายหรือขวา
หลังค่อม มีวิธีการตรวจวินิจฉัยอย่างไร?
แพทย์อาจสั่งตรวจด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- เอกซเรย์ หรือ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์: วิธีนี้ช่วยตรวจดูว่ากระดูกสันหลังผิดรูปหรือไม่ และช่วยตรวจว่ากระดูกสันหลังโค้งกี่องศา
- คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI): MRI เป็นการใช้คลื่นวิทยุและสนามแม่เหล็ก ใช้ตรวจว่ากระดูกไขสันหลังติดเชื้อหรือมีเนื้องอกหรือไม่
- การตรวจเส้นประสาท: ในผู้ที่มีอาการชาหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมด้วย แพทย์อาจสั่งให้ตรวจว่ามีการกดทับเส้นประสาทหรือไม่
- ตรวจวัดความหนาแน่นกระดูก: วิธีนี้ใช้เพื่อตรวจว่าเป็นโรคกระดูกพรุนหรือไม่ หรืออีกนัยหนึ่งคือ ตรวจว่ากระดูกแข็งแรงมากน้อยเพียงใด
หลังค่อม มีวิธีการรักษาอย่างไร?
วิธีที่ใช้รักษาภาวะหลังค่อมจะแตกต่างไปตามสาเหตุ ความรุนแรง ประเภทของภาวะหลังค่อม รวมถึงอายุและสุขภาพของผู้ป่วยหลังค่อม รักษาได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้
- ยา: ยาแก้ปวดและยารักษาโรคกระดูกพรุนช่วยบรรเทาอาการหลังค่อมได้ ทั้งนี้ ยาที่ช่วยเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรงจะป้องกันไม่ให้กระดูกสันหลังแตกหักมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นสาเหตุที่อาจทำให้หลังค่อมมากขึ้น
- ออกกำลังกาย: การออกกำลังกายที่เน้นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อที่หลังอาจช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กระดูกสันหลังและแก้อาการปวดหลังได้
- ที่พยุงหลัง: เด็กวัยกำลังโตที่กระดูกสันหลังโค้งมากกว่า 65 องศา การใส่ที่พยุงหลังจะช่วยแก้ภาวะหลังค่อมและป้องกันไม่ให้หลังโค้งไปมากกว่าเดิมได้
- ผ่าตัด: การผ่าตัดช่วยลดความโค้งของกระดูกสันหลังได้ โดยวิธีผ่าตัดที่นิยมใช้รักษาคือ การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง (Spinal Fusion) อย่างไรก็ดี ผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดรักษาภาวะหลังค่อมได้ ต้องเป็นภาวะสันหลังค่อมตั้งแต่เกิดหรือเป็นโรคกระดูกสันหลังโก่งในเด็ก โดยกระดูกสันหลังต้องโค้งมากกว่า 75 องศา หรือยังมีอาการปวดหลังแม้เข้ารับการรักษาด้วยวิธีที่ไม่ใช่การผ่าตัดมาแล้ว
หลังค่อม มีวิธีการป้องกันอย่างไร?
ภาวะหลังค่อมบางประเภทป้องกันไม่ได้ แต่วิธีต่อไปนี้ช่วยป้องกันภาวะหลังค่อมจากการทรงท่าที่ไม่ถูกต้องได้
- ลดหรือรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- มีการทรงท่าที่ถูกต้อง
- บริหารกล้ามเนื้อท้องและหลังให้แข็งแรง
- สำหรับเด็ก ให้ใช้กระเป๋าล้อลากหรือกระเป๋าที่มีทรงแข็งแรงใส่สัมภาระและหนังสือเรียนตอนไปเรียน
ควรพบแพทย์เมื่อใด?
หากสังเกตได้ว่าท่าทางการนั่งหรือยืนของคุณหรือของลูกผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดโดยมีสาเหตุมาจากหลังที่ค่อมผิดปกติ ให้รีบปรึกษาแพทย์ และไปที่แผนกฉุกเฉินหากมีอาการหายใจติดขัด
คำแนะนำจากแพทย์โรงพยาบาลเมดพาร์ค
หลังค่อม ที่ไม่รุนแรงไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันหรือก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ และสามารถรักษาให้หายได้ อย่างไรก็ตาม จะดีกว่าถ้าเข้ารับการตรวจและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่อาการจะแย่ลง ภาวะหลังค่อมรักษาได้ด้วยวิธีที่ไม่ใช่การผ่าตัด แต่หากไม่ได้ผล จึงจะพิจารณาให้รักษาด้วยการผ่าตัด และถึงแม้จะเข้ารับการรักษาแล้ว แนะนำให้ปฏิบัติตัวตามแนวทางป้องกันต่อไปเพื่อไม่ให้เกิดภาวะหลังค่อมซ้ำ