เลือกหัวข้อที่อ่าน
- ตรวจ MRA คืออะไร
- MRA ต่างจาก MRI อย่างไร
- เตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับการตรวจ MRA
- ตรวจ MRA มีความเสี่ยงอะไรบ้าง
- คำแนะนำจากแพทย์โรงพยาบาลเมดพาร์ค
ตรวจ MRA (Magnetic Resonance Angiography)
ตรวจ MRA คือ การตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือดและระบบไหลเวียนโลหิต โดยที่ไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บต่อร่างกาย (non-invasive technique) ซึ่งช่วยในการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของหลอดเลือด เช่น ภาวะหลอดเลือดแข็งหรือลิ่มเลือดอุดตัน ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องใช้สารเปรียบเทียบความชัด (gadolinium-based MR contrast agents) ร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความคมชัดของภาพและการตรวจวินิจฉัยอย่างแม่นยำ
MRA คืออะไร
MRA คือการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นวิทยุในการช่วยสร้างภาพหลอดเลือดและระบบไหลเวียนโลหิตออกมาเป็นภาพ 2 มิติหรือ 3 มิติ ซึ่งเทคนิคการตรวจนี้จะช่วยในตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือด
MRA ต่างจาก Computed Tomographic Angiography (CTA) อย่างไร
ทั้ง MRA และ CTA ต่างเป็นการตรวจหลอดเลือดโดยที่ไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บต่อร่างกาย แต่มีความแตกต่างกันในบางประเด็น ดังนี้
- CTA เป็นการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีการใช้รังสีในการสร้างภาพ การตรวจด้วย CTA มักใช้ระยะเวลาสั้นกว่า MRA และจำเป็นต้องใช้สารทึบรังสี (Iodinated contrast agents) ซึ่งแตกต่างจากสารเปรียบเทียบความชัดที่ใช้ในการตรวจ MRA
- MRA ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการสร้างภาพ จึงไม่มีการใช้รังสีในการตรวจ อย่างไรก็ดี การตรวจนี้จะใช้เวลานานกว่าการตรวจ CTA และไม่จำเป็นต้องใช้สารเปรียบเทียบความชัดในทุกราย ขึ้นกับการดุลยพินิจของรังสีแพทย์
การเลือกใช้วิธี MRA หรือ CTA ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ทางคลินิก และดุลยพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษา
MRA ต่างจาก Magnetic Resonance Imaging (MRI) อย่างไร
MRI คือการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นวิทยุในการสร้างภาพอวัยวะและเนื้อเยื่อภายในร่างกายโดยละเอียด ภาพที่ได้มีความละเอียดสูง
MRA ถือเป็นเทคนิคหนึ่งของการตรวจ MRI ที่เน้นการสร้างภาพของหลอดเลือดและระบบไหลเวียนโลหิต เพื่อวินิจฉัยภาวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือด เช่น หลอดเลือดตีบ หลอดเลือดโป่งพอง หรือการตรวจหาก้อนเนื้องอกในหลอดเลือด
เมื่อไรที่ควรเข้ารับการตรวจ MRA
แพทย์จะทำการตรวจ MRA เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาโรคหลอดเลือด เช่น
- ภาวะผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด (Aortic dissection)
- โรคเส้นเลือดโป่งพอง (Aneurysm)
- ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด (Vascular thrombosis)
- โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็ม (Arteriovenous malformation)
- โรคหลอดเลือดตีบ (Artery stenosis)
- ภาวะหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis)
- โรคหัวใจแต่กำเนิด (Congenital heart disease)
ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับการตรวจ MRA
ก่อนเข้ารับการตรวจ MRA
กรุณาแจ้งแพทย์ให้ทราบ ดังนี้
- กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- มีประวัติแพ้ยา
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต
- มีสิ่งแปลกปลอมฝังในร่างกาย เช่น ลิ้นหัวใจ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ เครื่องกระตุกสัญญาณไฟฟ้าหัวใจ ขดลวดหรือคลิปหนีบบริเวณที่หลอดเลือดสมองโป่งพอง อุปกรณ์ให้ยาใต้ผิวหนัง (Port-A-Cath) อวัยวะเทียม ท่อต่าง ๆ (stent) ทันตกรรมประดิษฐ์ที่ทำจากโลหะ หรือมีรอยสักที่ใช้หมึกสักลายผสมโลหะ เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการประเมินว่าหากมีสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ สามารถเข้ารับการตรวจได้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องมีการวางแผนและเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ
- การตรวจ MRA ไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่ใส่ประสาทหูเทียม
- หากกลัวที่แคบ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อจะมีการเตรียมยาระงับความรู้สึก
- ไม่สวมใส่เครื่องประดับใด ๆ และเลี่ยงการขับขี่รถยนต์ด้วยตัวเองในวันตรวจ
ระหว่างเข้ารับการตรวจ MRA
- ผู้เข้ารับการตรวจจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นชุดที่ทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้
- ขณะอยู่ในห้องตรวจ ผู้เข้ารับการตรวจจำเป็นต้องนอนนิ่งๆ เพื่อความคมชัดของภาพ โดยระหว่างการตรวจท่านจะได้ยินเสียงดังจากตัวเครื่องซึ่งจะมีที่อุดหูให้ใส่เพื่อลดเสียงดัง หากระหว่างที่อยู่ในเครื่อง MRI ท่านมีความรู้สึกไม่สบาย ท่านสามารถกดปุ่มเพื่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา ในการตรวจบางประเภทอาจจะมีการฉีดสารเปรียบเทียบความชัดเข้าทางหลอดเลือดดำเพื่อเพิ่มความชัดเจนของภาพ
หลังเข้ารับการตรวจ MRA
- รังสีแพทย์จะตรวจดูรูปภาพเพื่อหาความผิดปกติของหลอดเลือด แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติมหากจำเป็น
- หลังการตรวจ หากมีอาการผิดปกติควรแจ้งเจ้าหน้าที่ เช่น อาการแพ้สารเปรียบเทียบความชัด
การตรวจ MRA มีความเสี่ยงอะไรบ้าง
การตรวจ MRA เป็นการตรวจที่ไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บต่อร่างกาย (non-invasive technique) และถือเป็นการตรวจที่ปลอดภัย อย่างไรก็ดี ขณะฉีดสารเปรียบเทียบความชัดทางหลอดเลือดดำ ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เวียนศีรษะ หรือ ปวดท้อง หรือเกิดอาการแพ้สารเปรียบเทียบความชัดซึ่งพบน้อยมากได้ ในผู้ป่วยโรคไตชนิดรุนแรงอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ nephrogenic systemic fibrosis ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต จากการได้รับสารเปรียบเทียบความชัดได้
การตรวจ MRA อันตรายหรือไม่
การตรวจ MRA เป็นการตรวจที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการได้รับรังสี X-ray และบางการตรวจสามารถตรวจวินิจฉัยโดยไม่ต้องใช้สารเปรียบเทียบความชัดทางหลอดเลือดดำได้
คำถามที่มักถามบ่อย
- การตรวจ MRA จำเป็นต้องใช้สารเปรียบเทียบความชัด (Gadolinium-based MR contrast agents) หรือไม่
การตรวจ MRA ไม่จำเป็นต้องใช้สารเปรียบเทียบความชัดเสมอไป แต่บางกรณีอาจจำเป็นต้องใช้สารเปรียบเทียบความชัดเพื่อเพิ่มความชัดเจนของภาพ เพื่อช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยยิ่งขึ้น - การตรวจ MRA ใช้เวลานานเท่าไร
ตรวจ MRA จะใช้เวลาตรวจโดยประมาณ 20-60 นาที ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และโรคที่แพทย์สั่งตรวจ
คำแนะนำจากแพทย์โรงพยาบาลเมดพาร์ค
การตรวจ MRA ช่วยให้แพทย์เห็นภาพหลอดเลือดในร่างกายอย่างละเอียด ตรวจพบความผิดปกติของหลอดเลือด วินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม ช่วยติดตามผลการรักษาโรคหลอดเลือด และประเมินความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ