ปวดคอ
ประมาณ 10% ของคนในวัยผู้ใหญ่ มักเคยประสบกับอาการปวดคอ ปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการปวดคอได้แก่ ข้ออักเสบ เส้นประสาทที่ถูกกดทับ กล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นเคล็ด ซึ่งส่วนใหญ่สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด (conservative therapy)
ประเภทของอาการปวดคอ
- อาการปวดคอเฉียบพลัน (มีอาการต่อเนื่องน้อยกว่า 6 สัปดาห์)
- อาการปวดคอกึ่งเฉียบพลัน (มีอาการต่อเนื่อง 6-12 สัปดาห์)
- อาการปวดคอเรื้อรัง (มีอาการต่อเนื่องมากกว่า 12 สัปดาห์)
อาการปวดคอ
- ปวดศีรษะ กล้ามเนื้อคออ่อนแรง
- หันศีรษะไม่ได้หรือรู้สึกปวดเมื่อเอียงหรือหมุนศีรษะ
- กล้ามเนื้อคอ หลังส่วนบน แขนและไหล่แข็ง
- ชาที่แขนหรือไหล่
- มีปัญหาเกี่ยวกับการเดิน
- กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่
สาเหตุของอาการปวดคอ
การระบุสาเหตุของอาการปวดคอที่แน่ชัดนั้นอาจทำได้ยาก แม้ว่าแพทย์จะทำการตรวจร่างกายและตรวจวินิจฉัยด้วยภาพแล้ว อย่างไรก็ตามสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการปวดคอ ได้แก่
- กล้ามเนื้อต้นคอเคล็ด
ท่าทางที่ไม่เหมาะสม นิสัยการนอนที่ไม่ดี อาการกล้ามเนื้อตึงเนื่องจากความเครียดทางร่างกายและจิตใจ และการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาอาจเป็นสาเหตุของกล้ามเนื้อต้นคอเคล็ดหรือกล้ามเนื้อต้นคอและหลังส่วนบนหดเกร็ง ผู้ป่วยอาจมีอาการปวด แน่น ตึงบริเวณหัวไหล่และหลังส่วนบนนานกว่า 6 สัปดาห์ - กระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อม
กระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อมเกิดจากความเสื่อมตามอายุ เช่นหมอนรองกระดูกตีบหรือแคบลง กระดูกงอก ซึ่งจะไปกดเนื้อเยื่อโดยรอบ และกดทับเส้นประสาท บางรายอาจมีอาการปวดคอ กล้ามเนื้อคออ่อนแรง เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อคอได้จํากัด ชาที่แขนและไหล่ ปวดศีรษะ หรือปวดหู - หมอนรองกระดูกต้นคอเสื่อม
ความเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง ตึง จนเกิดอาการปวดคอเมื่อเอียงหรือหันศีรษะ หรือเมื่อทำกิจกรรมใด ๆ ที่ไม่เปลี่ยนท่าทางเป็นเวลานาน เช่น อ่านหนังสือ ขับรถยนต์ หรือนั่งทํางานหน้าคอมพิวเตอร์ บางรายจะมีอาการปวดร้าวลงแขนหรือไหล่ - กลุ่มอาการข้อต่อฟาเซ็ต
อาการปวดคอเนื่องจากข้อต่อฟาเซ็ตเกิดจากการทำงานที่ต้องเอียงศีรษะไปด้านหลังหรือยืดคอบ่อย ๆ การอยู่ในท่าเดิมซ้ำนาน ๆ มีผลต่อข้อต่อฟาเซ็ตด้านข้างของกระดูกสันหลังและข้อต่อ ทำให้ปวดด้านข้างและตรงกลางลำคอ ในบางรายอาจมีอาการปวดในหู กราม แขน ไหล่ สะบัก และบริเวณท้ายทอย - อาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นคอเนื่องจากการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน (Whiplash injury)
เป็นอาการบาดเจ็บที่คอ เนื่องจากการเคลื่อนไหวคอไปมาอย่างรุนแรงและฉับพลัน เช่น การได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ หรือการถูกกระแทกที่ลำตัวจากการเล่นกีฬา ผู้ป่วยมักมีอาการปวด กล้ามเนื้อหดเกร็ง ปวดหู ปวดกราม ปวดศีรษะ และขยับคอได้จำกัด - อาการปวดกล้ามเนื้อและพังผืดเรื้อรัง (Myofascial pain)
อาการบาดเจ็บ ภาวะซึมเศร้า นอนไม่หลับ หรือความเครียดเป็นสาเหตุของอาการปวดกล้ามเนื้อและพังผืดเรื้อรัง ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อเจ็บเมื่อถูกกด ตึง และบวม - ภาวะข้อกระดูกสันหลังและเอ็นข้อต่อแข็งตัวเชื่อมติดกัน (Diffuse Idiopathic Skeletal Hyperostosis)
เกิดขึ้นจากการที่มีการสะสมของหินปูนแคลเซียมในเส้นเอ็นและเอ็นยึดตามกระดูกสันหลังส่วนคอ ทำให้เนื้อเยื่อรอบๆกระดูกสันหลังแข็งตัว ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการใด ๆ แต่บางรายอาจมีอาการปวด ขยับคอไม่ได้ หรือตึง ภาวะนี้อาจเกิดที่บริเวณกระดูกสันหลังกลางลำตัวและหลังล่างได้เช่นกัน - โรคโพรงกระดูกสันหลังคอกดทับไขสันหลัง
เกิดจากโพรงกระดูกสันหลังส่วนกลางตีบแคบเนื่องจากความเสื่อมสภาพของข้อกระดูกและหมอนรองกระดูก ความตีบนั้นทำให้เส้นประสาทไขสันหลังส่วนคอทำงานผิดปกติ เกิดอาการปวด การเคลื่อนไหวของร่างกายไม่ประสานกัน อ่อนล้า เดินไม่ได้ กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่ และหย่อนสมรรถภาพทางเพศ - โรคหมอนรองกระดูกคอกดทับรากประสาท
ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเสื่อมสภาพเนื่องจากอายุที่มากขึ้นหรือได้รับบาดเจ็บ หมอนรองกระดูกคอที่ยื่นโป่งตัวออกมา ซีสต์ ก้อนเนื้อ หรือข้อกระดูกสันหลังอาจไปกดทับและทำให้รากประสาทระคายเคือง ทำให้มีอาการปวด ชา และอ่อนแรง
การตรวจวินิจฉัยอาการปวดคอ
เมื่อมีอาการปวดคอ ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและคออย่างรุนแรง ชาที่แขนหรือขา หรือภาวะกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย รวมถึงสังเกตท่าทางและการเคลื่อนไหวของศีรษะและลำคอ คลำกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะ คอ ไหล่ และหลังส่วนบนเพื่อตรวจอาการตึงและปวดของกล้ามเนื้อ แพทย์อาจทำการตรวจปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ ความแข็งแรง และตรวจการรับความรู้สึก และอาจทำการเอกซเรย์ ตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือตรวจวินิจฉัยคลื่นไฟฟ้าของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท โดยขึ้นอยู่กับอายุ อาการ ประวัติทางการแพทย์ และผลการตรวจร่างกายของผู้ป่วย
การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการดูแลรักษาตนเองที่บ้าน
- การออกกําลังกายและยืดกล้ามเนื้อสามารถเสริมสร้างกล้ามเนื้อ คอ ไหล่ และหลังได้ ควรปรึกษาแพทย์ว่าการออกกําลังกายประเภทใดที่ช่วยบรรเทาอาการปวดคอได้
- เปลี่ยนอิริยาบทบ่อย ๆ หากต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน
- เวลานอนหลับควรจัดศีรษะและคอให้อยู่ในแนวเดียวกันกับร่างกาย ไม่นอนคว่ำหันศีรษะไปด้านข้าง
- ฝึกการผ่อนคลายหรือทําสมาธิเพื่อช่วยลดความเครียด ความเครียดจะทําให้อาการปวดแย่ลง
- ประคบอุ่นหรืออาบน้ำร้อนเพื่อบรรเทาอาการปวดตึงของกล้ามเนื้อ
- ประคบเย็นครั้งละ 15 นาที วันละ 2-3 ครั้ง อาจช่วยบรรเทาอาการอักเสบของข้อต่อ วางผ้าขนหนูบาง ๆ บนบริเวณที่จะประคบเพื่อปกป้องผิวจากความเย็น
- ยาแก้ปวดช่วยบรรเทาอาการปวดคอที่ไม่รุนแรงได้
การรักษาอาการปวดคอ ด้วยวิธีอื่น ๆ
- การฝังเข็ม เป็นการฝังเข็มขนาดเล็กเข้าไปในกล้ามเนื้อ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์หากต้องการรักษาด้วยวิธีนี้
- การนวดผ่อนคลายช่วยบรรเทาอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ตามควรเข้ารับการบำบัดกับนักนวดบําบัดที่มีใบอนุญาตและมีประสบการณ์ในการรักษาอาการปวดคอ
- การบําบัดด้วยการเคลื่อนไหวเป็นการเพิ่มความสมดุลของการทรงตัวของร่างกาย การเสริมสร้างความแข็งแรง และการยืดกล้ามเนื้อ นักกายภาพบําบัดจะสอนวิธีออกกําลังกายที่ทำที่บ้านได้ โยคะและไทเก็กนั้นช่วยได้เช่นกัน เป้าหมายของการออกกําลังกายคือการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและฟื้นฟูความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน รวมทั้งช่วยบรรเทาความเจ็บปวด การขยับเคลื่อนไหวร่างกายช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้
- การฉีดยาเข้าไปยังจุดกดเจ็บ (Trigger point) เป็นการฉีดยาชาเฉพาะที่เข้าไปในกล้ามเนื้อที่หดเกร็งหรือบวม ยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนอย่างเพียงพอว่าวิธีนี้ช่วยทำให้อาการหายได้เร็วขึ้นหรือช่วยลดอาการปวด แต่แพทย์อาจแนะนำวิธีการรักษานี้หากการรักษาวิธีอื่น ๆ ไม่ได้ผล
- เฝือกพยุงคอ อาจใช้ในผู้ที่อาการปวดมากจนทำให้นอนไม่หลับ อย่างไรก็ตามไม่แนะนําให้ใช้เฝือกพยุงคอ ในระยะยาว เพราะอาจทําให้กล้ามเนื้อคออ่อนแอลงและชะลอการฟื้นตัว
- การกระตุ้นกล้ามเนื้อและเส้นประสาทด้วยไฟฟ้าผ่านผิวหนัง (TENS) เป็นการส่งกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ไปยังผิวหนังเพื่อลดอาการปวดและเพิ่มความแข็งแรงและความคล่องตัวให้กับกล้ามเนื้อ
- การผ่าตัด แพทย์อาจแนะนําการผ่าตัดในรายที่มีอาการจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (โรคหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท หรือโรคหมอนรองกระดูกทับไขสันหลัง) หากการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด (conservative therapy) ไม่ได้ผล แต่โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด
ก่อนทำการรักษาด้วยวิธีใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง หากมีอาการปวดคอเรื้อรังซึ่งไม่ดีขึ้น แพทย์อาจแนะนำให้เข้ารับการรักษากับแพทย์ทางกระดูกและข้อ
การป้องกันการปวดคอ
สิ่งที่ผู้ป่วยสามารถทําได้เพื่อป้องกันอาการปวดคอ
- จัดท่าทางของร่างกายให้เหมาะสม ให้ศีรษะยืดตรง ไม่ยกไหล่
- พยายามเปลี่ยนท่าทางบ่อยหากต้องนั่งเป็นเวลานาน ๆ
- หลีกเลี่ยงการแบกของหนักซึ่งอาจเพิ่มแรงกดบนบ่าหรือหลัง
- เวลานอนหลับ จัดศีรษะและคอของคุณอยู่ในระนาบเดียวกันกับร่างกาย