ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน (Overactive Bladder)

ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินไป เกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถผ่อนคลายเพื่อเก็บปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทําให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดหรือมีอาการปวดปัสสาวะฉับพลัน

แชร์

เลือกหัวข้อที่อ่าน


ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน

ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน เกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถผ่อนคลายเพื่อเก็บปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจเกิดจากการบีบตัวก่อนถึงเวลาที่เหมาะสม ทําให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดหรือมีอาการปวดปัสสาวะฉับพลัน เมื่อมีอาการ ผู้ป่วยอาจรู้สึกวิตกกังวล เครียด และขาดความมั่นใจ ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินไปอาจเกิดจากอายุที่มากขึ้น

โรคระบบประสาทเบาหวาน ยาบางชนิด คาเฟอีน แอลกอฮอล์ เป็นต้น ในประเทศสหรัฐอเมริกาผู้ชายราว 10-30% และผู้หญิงราว 10-40% มีภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน

ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน มีอาการอย่างไร

  • ปัสสาวะบ่อย
  • ปัสสาวะเร่งรีบ รู้สึกปวดปัสสาวะอย่างมากโดยเฉียบพลันไม่สามารถรอได้ ต้องรีบไปห้องน้ำทันที
  • ปัสสาวะราด เข้าห้องน้ำไม่ทัน
  • ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ปัสสาวะอย่างน้อย 2 ครั้งต่อคืน
  • ปวดปัสสาวะมากแต่ปัสสาวะออกมาได้ทีละน้อยในบางครั้ง

ควรไปพบแพทย์เมื่อไร

ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินไป มักจะเป็น ๆ หาย ๆ อาการดีขึ้นหรือแย่ลงสลับกันไปแล้วแต่ช่วงเวลา ซึ่งยังมีสาเหตุอื่น เช่น การติดเชื้อที่มีอาการคล้ายกันได้ ดังนั้นควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม

ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไว มีสาเหตุเกิดจากอะไร

  • การตั้งครรภ์และการคลอดบุตรอาจทําให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานไม่แข็งแรง ควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ยาก
  • เส้นประสาทได้รับความเสียหาย เนื่องจากโรคหลอดเลือดสมอง โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคพาร์กินสัน การผ่าตัดหลังหรืออุ้งเชิงกราน หรือการรักษาด้วยรังสี โดยสมองและกระเพาะปัสสาวะอาจรับสัญญาณได้ไม่ถูกต้อง จนไปกระตุ้นให้เกิดอาการ
  • การใช้ยาบางชนิดหรือการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน กระเพาะปัสสาวะอาจเต็ม ล้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ปัสสาวะเล็ด
  • ทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ (UTI) ทําให้เส้นประสาทกระเพาะปัสสาวะระคายเคืองและกระเพาะปัสสาวะหดตัว
  • น้ำหนักตัวที่มากเกินไปสร้างแรงกดทับกระเพาะปัสสาวะและอุ้งเชิงกราน
  • วัยหมดประจําเดือนทําให้ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้อุ้งเชิงกรานอ่อนแอลง ส่งผลกระตุ้นให้เกิดอาการตามมาได้

ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไว มีวิธีการวินิจฉัยอย่างไร

  • การซักประวัติและการตรวจร่างกาย
  • การตรวจปัสสาวะ เพื่อประเมินว่ามีเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว และแบคทีเรียในปัสสาวะหรือไม่ ถ้ามี แสดงว่าอาจมีการติดเชื้อที่ทําให้เกิดภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินไป
  • Urodynamic testing เป็นการจำลองการทำงานของกระเพาะปัสสาวะตั้งแต่เริ่มเก็บน้ำปัสสาวะไปจนถึงขับถ่าย มักจะทำเฉพาะรายที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมที่อาจช่วยวางแผนในการรักษาต่อไป
  • การตรวจภาพทางรังสี เช่น Ultrasound, X-ray, CT scan เป็นต้นเพื่อค้นหาพยาธิสภาพที่อาจเกี่ยวข้องกับอาการ เช่น นิ่ว เนื้องอกในทางเดินปัสสาวะ
  • การส่องกล้องตรวจกระเพาะปัสสาวะ (Cystoscopy) เป็นการใส่กล้อง cystoscope เข้าไปในท่อปัสสาวะเพื่อตรวจกระเพาะปัสสาวะ โดยแพทย์จะทายาชาเฉพาะที่ให้ผู้เข้ารับการตรวจเพื่อลดความรู้สึกเจ็บและระคายเคือง ในบางกรณีแพทย์อาจใช้ยาระงับความรู้สึกทั่วร่างกาย มีข้อดีคือไม่รับรู้การเจ็บปวดขณะทำหัตถการ

ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไว มีวิธีการรักษาอย่างไร

ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน สามารถรักษาได้โดยการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต การใช้ยา และการกระตุ้นเส้นประสาท

การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต

  • หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ทําให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน อันได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ ชา น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ช็อคโกแลต มะเขือเทศ อาหารหรือเครื่องดื่มที่ทําจากมะเขือเทศ อาหารรสเผ็ดหรือรสเปรี้ยว และสารให้ความหวาน
  • รับประทานกากใยอาหารให้มากขึ้น ดื่มน้ำมาก ๆ และออกกําลังกายเพื่อป้องกันอาการท้องผูกซึ่งอาจส่งผลต่อกระเพาะปัสสาวะ การมีนิสัยการขับถ่ายที่ดีช่วยลดอาการของโรคได้
  • ควบคุมหรือลดน้ำหนักตัวให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้น้ำหนักตัวไปสร้างแรงกดบนกระเพาะปัสสาวะ
  • เลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากมีการศึกษาว่าการสูบบุหรี่มีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน

การฝึกกระเพาะปัสสาวะ

การฝึกกระเพาะปัสสาวะช่วยชะลอการปัสสาวะได้ โดยผู้ป่วยจะได้เรียนรู้วิธีอดทนต่อความรู้สึกปวดปัสสาวะ ปัสสาวะเป็นเวลา และแก้ไขปัญหาภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน

ขั้นตอนปฏิบัติเพื่อฝึกกระเพาะปัสสาวะ

  • จดบันทึกว่าปัสสาวะบ่อยแค่ไหนเพื่อประเมินระยะเวลาก่อนจะรู้สึกปวดปัสสาวะ
  • เมื่อทราบระยะเวลาก่อนจะรู้สึกปวดปัสสาวะของตนเองแล้ว เมื่อเกิดอาการปวด ให้อดทนรอไม่ไปปัสสาวะ ตัวอย่างเช่น หากปัสสาวะทุกชั่วโมง ให้ลองรออีก 5 นาทีก่อนไปเข้าห้องน้ำ และค่อย ๆ เพิ่มเวลา หากรู้สึกปวดปัสสาวะอย่างฉับพลัน รอไม่ได้ ควรพยายามผ่อนคลายด้วยการหายใจเข้าและออกลึก ๆ ทางปากจนกว่าจะรู้สึกไม่ปวด ไปปัสสาวะเมื่อรู้สึกว่าไม่ต้องรีบเข้าห้องน้ำ
  • เมื่อร่างกายคุ้นเคยกับระยะเวลาในการปัสสาวะใหม่และไม่มีอาการปัสสาวะเล็ดเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ให้รอนานขึ้นอีก 15 นาที และค่อย ๆ เพิ่มเวลามากขึ้นจนกว่าระยะเวลาในการปัสสาวะอยู่ที่ราว 2-4 ชั่วโมง
  • ปัสสาวะตามตารางเวลาที่กำหนดเท่าที่จะทำได้

วิธีจัดการอาการปวดปัสสาวะในช่วงที่กําลังฝึกกระเพาะปัสสาวะ

  • นั่งหรือยืนนิ่ง ๆ และฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Kegels exercise)
  • หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อผ่อนคลายร่างกาย ระงับความรู้สึกปวดปัสสาวะ และควรรอจนกว่าจะรู้สึกว่าไม่ต้องรีบไปเข้าห้องน้ำ
  • ขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานขณะที่เดินไปห้องน้ำและควรเดินตามปกติ ไม่เร่งรีบ

การฝึกกระเพาะปัสสาวะใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์ จึงควรใจเย็นและอดทนรอเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ควรพูดคุยปรึกษาแพทย์หากไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดหวัง โดยแพทย์อาจให้รับประทานยาเพื่อช่วยระหว่างการฝึก

การป้องกันภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไว

เพื่อป้องกันภาวะกระเพาะปัสสาวะไวเกิน ควรปฏิบัติตัวดังนี้

  • รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม ออกกําลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการขมิบอุ้งเชิงกราน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันกระเพาะปัสสาวะระคายเคือง อย่างไรก็ตามหากบริโภคน้ำหรือของเหลวมากเกินไปอาจทำให้อาการแย่ลงได้
  • จํากัดการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ
  • ควบคุมโรคประจำตัวที่เป็นมาก่อน เช่น กลุ่มโรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะหรือโรคเบาหวาน
  • หากผู้ป่วยต้องใช้ผลิตภัณฑ์รองซับปัสสาวะ ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามข้อแนะนำด้านล่างเพื่อความรู้สึกสบายตัวและสร้างความมั่นใจให้มากขึ้น
  • ทาขี้ผึ้งหรือครีมป้องกันผื่นก่อนใช้หรือสวมใส่ผลิตภัณฑ์รองซับปัสสาวะ เพื่อป้องกันผิวไม่ให้ระคายเคือง
  • เปลี่ยนผลิตภัณฑ์รองซับปัสสาวะ เช่น ผ้าอ้อมหรือแผ่นรองซับหลังมีอาการปัสสาวะเล็ดทันทีเพื่อลดกลิ่น ควรทําความสะอาดร่างกายก่อนสวมใส่แผ่นใหม่
  • สวมเสื้อผ้าหลวม ๆ และสีเข้มเพื่ออำพรางผลิตภัณฑ์รองซับปัสสาวะ เสื้อผ้าสีเข้มยังช่วยพรางรอยเปื้อนหรือคราบปัสสาวะได้อีกด้วย

บทความโดย

เผยแพร่เมื่อ: 19 มิ.ย. 2024

แชร์

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

  • Link to doctor
    นพ. สนธิเดช ศิวิไลกุล

    นพ. สนธิเดช ศิวิไลกุล

    • ศัลยศาสตร์
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
    ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ, ภาวะกระเพาะปัสสาวะไวเกิน
  • Link to doctor
    นพ.  วิชัย เจริญวงศ์

    นพ. วิชัย เจริญวงศ์

    • ศัลยศาสตร์
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
    ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
  • Link to doctor
    นพ. กวิน ตังธนกานนท์

    นพ. กวิน ตังธนกานนท์

    • อายุรศาสตร์
    • อายุรศาสตร์โรคไต
    ไตวายเฉียบพลัน, โรคไตอักเสบ, การบําบัดทดแทนหน้าที่ไตโดยการฟอกเลือด, โรคความดันโลหิตสูง, นิ่วในไตและทางเดินปัสสาวะ, การปลูกถ่ายไต, การกรองพลาสมา, การดูแลป้องกันไตเสื่อม, การติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ, โรคและความผิดปกติทางไต, โรคไตจากเบาหวาน, การฟอกเลือดทางหน้าท้อง, ความผิดปกติ แปรปรวนของสภาวะสารน้ำและเกลือแร่, ความผิดปกติของกระดูกจากโรคทางไต รวมทั้งกระดูกพรุน, โภชนบำบัดในโรคไต
  • Link to doctor
    นพ. ไพบูลย์ บุญญะพานิชสกุล

    นพ. ไพบูลย์ บุญญะพานิชสกุล

    • ศัลยศาสตร์
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
    ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ, ระบบสืบพันธ์ุ
  • Link to doctor
    นพ. อภิรักษ์ สันติงามกุล

    นพ. อภิรักษ์ สันติงามกุล

    • ศัลยศาสตร์
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
    การบีบขับปัสสาวะผิดปกติ, Laparoscopic Urologic Surgery
  • Link to doctor
    รศ.นพ. สิทธิพร ศรีนวลนัด

    รศ.นพ. สิทธิพร ศรีนวลนัด

    • ศัลยศาสตร์
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
    ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
  • Link to doctor
    นพ. วิรุณ  โทณะวณิก,พบ

    นพ. วิรุณ โทณะวณิก,พบ

    • ศัลยศาสตร์
    • รังสีรักษามะเร็งวิทยา
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
    มะเร็งต่อมลูกหมาก, ฝังแร่รักษามะเร็งต่อมลูกหมาก
  • Link to doctor
    MedPark Hospital Logo

    ศ.นพ. กิตติณัฐ กิจวิกัย

    • ศัลยศาสตร์
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
    ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
  • Link to doctor
    นพ. ธเนศ ไทยดำรงค์

    นพ. ธเนศ ไทยดำรงค์

    • ศัลยศาสตร์
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
    ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
  • Link to doctor
    MedPark Hospital Logo

    ผศ.นพ. วรัชญ์ วรนิสรากุล

    • ศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
    มะเร็งต่อมลูกหมาก, Prostate Disease, Laparoscopic Urologic Surgery, Prostatectomy Laser, Endourology and Urinary Stone Disease, Urological Cancer
  • Link to doctor
    ผศ.นพ. ศรายุทธ วิริยะศิริพงศ์

    ผศ.นพ. ศรายุทธ วิริยะศิริพงศ์

    • ศัลยศาสตร์
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
    ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
  • Link to doctor
    นพ. วิชัย หงส์ไพฑูรย์

    นพ. วิชัย หงส์ไพฑูรย์

    • ศัลยศาสตร์
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
    ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
  • Link to doctor
    นพ. ศุภชัย สถิตมั่งคั่ง

    นพ. ศุภชัย สถิตมั่งคั่ง

    • ศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
  • Link to doctor
    นพ. อาคเนย์ วงษ์สวัสดิ์

    นพ. อาคเนย์ วงษ์สวัสดิ์

    • ศัลยศาสตร์
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
    การเปลี่ยนไตจากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิตและการเปลี่ยนไตจากผู้เสียชีวิต, การผ่าตัดระบบทางเดินปัสสาวะแบบแผลเล็ก, การผ่าตัดระบบทางเดินปัสสาวะแบบแผลเล็ก, การผ่าตัดนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ, การรักษาภาวะหย่อยสมรรถภาพทางเพศ, ชายวัยทอง
  • Link to doctor
    ผศ.พญ. นภิสวดี  ว่องชวณิชย์

    ผศ.พญ. นภิสวดี ว่องชวณิชย์

    • อายุรศาสตร์
    • อายุรศาสตร์โรคไต
    ไตวายเฉียบพลัน, การป้องกันและรักษาโรคไตด้วยโภชนบำบัด, ความผิดปกติ แปรปรวนของสภาวะสารน้ำและเกลือแร่, โรคไตอักเสบ, การบําบัดทดแทนหน้าที่ไตโดยการฟอกเลือด, โรคความดันโลหิตสูง, นิ่วในไตและทางเดินปัสสาวะ, การปลูกถ่ายไต, การกรองพลาสมา, การดูแลป้องกันไตเสื่อม, การติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ, โรคกระดูกต่าง ๆ ที่เกิดจากไตทำงานผิดปกติ รวมทั้งกระดูกพรุน
  • Link to doctor
    นพ. วสันต์ เศรษฐวงศ์

    นพ. วสันต์ เศรษฐวงศ์

    • ศัลยศาสตร์
    • ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ
    ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ