เลือกหัวข้อที่อ่าน
- เยื่อหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ คืออะไร
- สัญญาณและอาการแสดง
- การป้องกันเยื่อหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ
- การตรวจวินิจฉัยเยื่อหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ
- การรักษาเยื่อหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ
เยื่อหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ (เดอเกอร์แวง) ในคนตั้งครรภ์หรือคุณแม่ลูกอ่อน
หญิงตั้งครรภ์หรือคุณแม่ลูกอ่อนที่กำลังให้นมลูก จะมีภาวะฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปจากหญิงที่ไม่ตั้งครรภ์ ฮอร์โมนทำให้ร่างกายอุ้มน้ำไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อมือและมือ ทำให้เยื่อหุ้มเอ็นชุ่มน้ำและบวมขึ้น เวลาขยับข้อมือและนิ้วมือจะเกิดการเบียดและเสียดสีกับปลอกของเอ็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นบ่อยสุดคือตรงโคนหัวแม่มือและข้อมือ ยิ่งหลังคลอด ต้องใช้ข้อมืออุ้มให้นมลูก ยิ่งเพิ่มโอกาสให้เยื่อหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ
อนึ่ง โรคเยื่อหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบนี้มักเป็นบุคคล 2 กลุ่ม คือ หญิงตั้งครรภ์หรือคุณแม่ลูกอ่อน และ ผู้สูงอายุ
อีก 2 โรค ที่อาจพบในหญิงตั้งครรภ์หรือคุณแม่ลูกอ่อน คือ นิ้วล็อก (Trigger Finger) และ นิ้วหัวแม่มือ ชี้ และกลาง มีอาการชา เพราะเกิดจากเยื่อหุ้มเอ็นชุ่มน้ำและบวม ไปเบียดเส้นประสาทตรงข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)
สัญญาณและอาการแสดง
- ปวดตรงข้อมือที่อยู่ตรงโคนหัวแม่มือ - ตั้งแต่เล็กน้อยถึงระบมมากจนนอนไม่หลับ
- งอ-เยียดหัวแม่มือจะเจ็บ
- บวมและบางครั้งอาจมีอักเสบแดงเล็กน้อยบริเวณดังกล่าว
- กดเจ็บบริเวณดังกล่าว
การป้องกัน
- ขณะตั้งครรภ์ ควรลดการใช้ข้อมือ เช่นหิ้วของหนัก
- หลังตั้งครรภ์และให้นมลูก ควรลดการใช้ข้อมือ เวลาจะให้นมลูกหรืออาบน้ำ แนะนำมารดาแบบง่าย ๆ คือ ให้เกร็งข้อมือเหมือนหุ่นยนต์เพื่อลดการขยับของข้อมือ
การตรวจวินิจฉัย
- กดเจ็บตรงข้อมือที่อยู่ตรงโคนหัวแม่มือ
- การทดสอบ Finkelstein's test จะ positive คือมีอาการเจ็บน้อยถึงเจ็บมาก วิธีการทดสอบ ให้งอนิ้วหัวแม่มือลงไปแตะกลางฝ่ามือ งอนิ้วอีก 4 นิ้วคลุมหัวแม่มือไว้ แล้วทำการงอข้อมือไปทางนิ้วก้อย จะมีอาการเจ็บ บางคนไม่กล้างอข้อมือเลย
การรักษา
- ลดการใช้ข้อมือและหัวแม่มือ ใช้เท่าที่จำเป็น และให้งอหัวแม่มือและข้อมือช้าๆ
- สวมอุปกรณ์ประคองหัวแม่มือและข้อมือ
หากอาการยังปวดและปวดมากจนไม่สามารถประกอบกิจวัตรปกติได้ แพทย์จะพิจารณารักษาโดยการฉีดสเตียรอยด์ (Steroid) หลังการฉีดสเตียรอยด์อาการจะหายไป โดยมากมักฉีดสเตียรอยด์แค่ 1 ครั้ง แต่ก็มีบางเปอร์เซนต์ โดยเฉพาะในมารดาที่ยังให้นมลูก อาจมีอาการเป็นซ้ำในอีกหลายเดือนถัดมาและอาจต้องพิจารณาฉีดครั้งที่ 2 (ในการฉีดสเตียรอยด์ควรรับการฉีดโดยแพทย์ออโธปิดิกส์ เพราะต้องระวังไม่ฉีดเข้าไปในเส้นเอ็น ควรฉีดเข้าไประหว่างเอ็นและปลอกเอ็น หากเป็นแพทย์ออร์โธปิดิกส์ชำนาญเฉพาะทางด้านมือจะยิ่งปลอดภัยกว่า เพราะมีประสบการณ์และรู้กายวิภาคบริเวณข้อมือเป็นอย่างดี และในการฉีดยาเข้าไประหว่างเอ็นและปลอกเอ็น ฉีดโดยการมองภาพผ่านเครื่องอัลตร้าซาวด์จะเพิ่มความแม่นยำมากขึ้น)
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- คำถาม: เยื่อหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ คืออะไร?
คำตอบ: ภาวะฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปจากหญิงที่ไม่ตั้งครรภ์ ฮอร์โมนทำให้ร่างกายอุ้มน้ำไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อมือและมือ ทำให้เยื่อหุ้มเอ็นชุ่มน้ำและบวมขึ้น เวลาขยับข้อมือและนิ้วมือจะเกิดการเบียดและเสียดสีกับปลอกของเอ็น ยิ่งหลังคลอด ต้องใช้ข้อมืออุ้มให้นมลูก ยิ่งเพิ่มโอกาสให้เยื่อหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ - คำถาม: เยื่อหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ มีอาการอย่างไร?
คำตอบ: เยื่อหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ มีอาการปวดตรงข้อมือที่อยู่ตรงโคนหัวแม่มือตั้งแต่เล็กน้อยถึงระบมมากจนนอนไม่หลับ งอ เยียดหัวแม่มือจะเจ็บ อาการบวมและบางครั้งอาจมีอักเสบแดงเล็กน้อย กดแล้วเจ็บ - คำถาม: จะรักษาเยื่อหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบได้อย่างไร?
คำตอบ: ลดการใช้ข้อมือและหัวแม่มือ ใช้เท่าที่จำเป็น และให้งอหัวแม่มือและข้อมือช้า ๆ สวมอุปกรณ์ประคองหัวแม่มือและข้อมือ หากอาการยังปวดและปวดมากจนไม่สามารถประกอบกิจวัตรปกติได้ แพทย์จะพิจารณารักษาโดยการฉีดสเตียรอยด์ - คำถาม: ฉีดสเตียรอยด์ อันตรายไหม?
คำตอบ: ในการฉีดสเตียรอยด์ควรรับการฉีดโดยแพทย์ออโธปิดิกส์ เพราะต้องระวังไม่ฉีดเข้าไปในเส้นเอ็น ควรฉีดเข้าไประหว่างเอ็นและปลอกเอ็น หากเป็นแพทย์ออร์โธปิดิกส์ชำนาญเฉพาะทางด้านมือจะยิ่งปลอดภัยกว่า เพราะมีประสบการณ์และรู้กายวิภาคบริเวณข้อมือเป็นอย่างดี และในการฉีดยาเข้าไประหว่างเอ็นและปลอกเอ็น ฉีดโดยการมองภาพผ่านเครื่องอัลตร้าซาวด์จะเพิ่มความแม่นยำมากขึ้น