Love Bombing คืออะไร มีพฤติกรรมอย่างไร? What Is It and Signs To Look For?

Love Bombing การทุ่มเทความรักอย่างหนักหน่วงในช่วงต้นของความสัมพันธ์

Love Bombing การทุ่มเทความรักอย่างหนักในช่วงต้นความสัมพันธ์ เพื่อต้องการให้อีกฝ่ายประทับใจ กลับกลายเป็นทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด และไม่เป็นตัวของตัวเอง

แชร์

Love bombing คืออะไร?

Love bombing คือ การทุ่มเทความรักอย่างหนักหน่วงในช่วงต้นของความสัมพันธ์เพื่อให้อีกฝ่ายประทับใจ ตกหลุมรัก และรู้สึกว่าขาดเขาไม่ได้ เมื่อฝ่ายที่ได้รับความเอาใจใส่รู้สึกผูกพันจนถอนตัวไม่ขึ้น ฝ่ายที่ทำการ love bombing จะเริ่มควบคุมชีวิตของคนรักให้เป็นไปตามที่อีกฝ่ายต้องการ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสับสน อึดอัดในความสัมพันธ์ และไม่เป็นตัวของตัวเอง

Love bombing มีสาเหตุจากอะไร?

ผู้ที่มีพฤติกรรมแบบ love bombing นั้นมักมีสาเหตุมาจาก

  • การมีรูปแบบความสัมพันธ์ที่มีเรื่องต้องวิตกกังวล (anxious or insecure attachment style) คนประเภทนี้มักมีความรู้สึกไม่มั่นคงอยู่ในใจลึก ๆ และกลัวการถูกทอดทิ้ง จึงพยายามเติมเต็มความรู้สึกขาดของตนเองด้วยการหาใครสักคนมาเป็นที่พึ่งทางใจ ซึ่งต้องเป็นคนที่ตนเองสามารถควบคุมได้
  • การมีบุคลิกภาพแบบหลงตัวเอง (narcissistic personality disorder) การมีความเคารพตนเองต่ำ (low self-esteem) หรือการมีปัญหาในการเชื่อใจคนอื่น (trust issues) ซึ่งอาจปรากฏในรูปแบบความต้องการที่จะทำให้ทุกอย่างอยู่ในความควบคุม มั่นคง เพื่อไม่ให้กังวลต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

พฤติกรรมเหล่านี้อาจเกิดจากการกระทำทั้งที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว เช่น ผู้ที่มีความประพฤติที่ดี ไม่มีเจตนาทำร้ายจิตใจผู้อื่น แต่ลึก ๆ มีความรู้สึกไม่มั่นคงในจิตใจทำให้มีพฤติกรรมเหล่านี้โดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในความสัมพันธ์

Love Bombing การลดคุณค่า - The Devaluation Phase

Love bombing มีกี่ขั้นตอน?

โดยทั่วไปแล้ว พฤติกรรม love bombing นั้นมีอยู่ 3 ขั้นตอน ได้แก่:

  1. ขั้นตอนการสร้างภาพในอุดมคติ (The Idealization Phase): ผู้ที่มีพฤติกรรม love bombing จะพยายามทำให้คนรักประทับใจด้วยการปฏิบัติต่อเขาหรือเธอดั่งเป็นเจ้าหญิงหรือเจ้าชาย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกได้รับความรัก ความอบอุ่นเหมือนได้พบกับคนรักในฝันและเริ่มเกิดความผูกพัน ผูกคุณค่าของตนต่อการกระทำของอีกฝ่าย
  2. ขั้นตอนการลดคุณค่า (The Devaluation Phase): เมื่อฝ่ายที่ถูก love bombing รู้สึกตกหลุมรักแล้ว ฝ่ายที่ทำการ love bombing จะเริ่มควบคุมคนรักเพื่อตอบสนองความรู้สึกไม่มั่นคงของตัวเอง เช่น พยายามทำให้คนรักใช้เวลาอยู่กับตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และไม่อยากให้คนรักออกไปใช้เวลากับเพื่อน ๆ คนประเภทนี้อาจเปลี่ยนไปใช้วิธีที่ไม่สร้างสรรค์ เช่น ทำให้รู้สึกผิด บังคับขู่เข็ญ หรือแม้กระทั่งทำร้ายร่างกายเพื่อให้อีกฝ่ายทำตามที่ตนต้องการ
  3. ขั้นตอนการทอดทิ้ง (The Discard Phase): เมื่อฝ่ายที่ถูก love bombing พยายามที่จะแสดงจุดยืนของตนเอง จนยากที่จะถูกควบคุมอีกต่อไป ฝ่ายที่ทำ love bombing จะตัดสินใจยุติความสัมพันธ์นั้น ทิ้งให้ฝ่ายที่ได้รับความรักมาตลอดรู้สึกสับสน ไร้ค่า และคิดว่าความสัมพันธ์ที่จบลงเป็นความผิดของตนเอง

สัญญาณเตือนของ Love Bombing มีอะไรบ้าง?

  1. การเร่งรัดเข้าสู่ความสัมพันธ์ (Rushing to Lock Things Down)
    ความสัมพันธ์ที่ดีมักมีลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยที่ทั้งสองฝ่ายค่อย ๆ ทำความรู้จัก และเรียนรู้ข้อดีข้อเสียของกันและกัน แต่ผู้ที่ทำการ love bombing นั้นมักจะเร่งรัดความสัมพันธ์ให้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน เช่น ขอเป็นแฟนตั้งแต่รู้จักกันได้ไม่กี่สัปดาห์ อยากสร้างอนาคตร่วมกัน อยากแต่งงาน หรืออยากมีลูกด้วยกันทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้จักกันดี
  2. การมีของขวัญให้อยู่บ่อย ๆ (Giving Excessive Gifts)
    บุคคลเหล่านี้มักชอบซื้อของขวัญมาปนเปรอคนรักทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ขอและไม่ได้ต้องการ หลายครั้งของขวัญที่ให้อาจมีมูลค่าสูงจนทำให้คนที่ได้รับรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ เกรงใจ และยอมตามใจผู้ทำการ love bombing ในภายหลังจนทำให้รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
  3. พื้นที่ส่วนตัวเริ่มเหลือน้อยเต็มที (Not Respecting Personal Space)
    ผู้ที่มีพฤติกรรม love bombing มักคอยเช็กอีกฝ่ายตลอดเวลาว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร หลายครั้งอาจถึงขั้นคอยเช็กโทรศัพท์ แสดงความหึงหวงเวลาคนรักอยู่กับเพื่อน และบังคับให้อีกฝ่ายใช้เวลาส่วนมากอยู่กับตน เมื่อคู่ของตนเองสื่อสารให้รับรู้ว่าไม่พอใจพฤติกรรมเหล่านี้ ฝ่ายที่ทำการ love bombing อาจแสดงอาการน้อยเนื้อต่ำใจ ทำให้คนรักรู้สึกผิดและยอมตามใจในที่สุด
  4. ขยันบอกรักบ่อยจนเกินเหตุ (Over-Communication of Love)
    คนประเภทนี้มักใช้คำว่ารักอย่างพร่ำเพรื่อ ขยันเยินยอและโปรยคำหวานบ่อยเกินความจำเป็น เช่น พวกเขาอาจเรียกอีกฝ่ายว่าเป็น soul mate หรือเป็นเนื้อคู่ที่ตามหามานาน โดยที่ยังไม่รู้จักตัวตนของกันและกันอย่างแท้จริง

Love Bombing การทอดทิ้ง - The Discard Phase

Love Bombing: ความไม่มั่นคงในจิตใจที่สะท้อนออกมาในรูปแบบการทุ่มเทความรักอย่างหนักหน่วง
ความสัมพันธ์กับคนที่ทำการ love bombing นั้นอาจให้ความรู้สึกเหมือนกับภาพฝันที่เป็นจริงในช่วงต้น เพราะเขาจะคอยทุ่มเทความรักและความใส่ใจให้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับแสดงอาการเฉยชาจนอีกฝ่ายรู้สึกสับสน น้อยใจ รู้สึกผิด และพยายามบงการชีวิตจนอีกฝ่ายรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เมื่อคนที่ทำการ love bombing ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ลง คนที่ถูกทิ้งมักรู้สึกบอบช้ำ หรืออาจมีอาการซึมเศร้า เช่น รู้สึกไร้ค่า ว่างเปล่า ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะทำแม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อบำบัดอาการ และรักษาสภาพจิตใจให้พร้อมเริ่มต้นสำหรับความรักครั้งใหม่ในอนาคตได้อีกครั้ง

บทความโดย

เผยแพร่เมื่อ: 21 ส.ค. 2023

แชร์