การตรวจวัดความแข็งของตับ
โรคตับเรื้อรังจะทำให้เนื้อตับถูกทำลายและเกิดพังผืดสะสมในตับ เมื่อมีพังผืดสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื้อตับจะมีความแข็ง (stiffness) มากขึ้น หรือมีความยืดหยุ่นลดลงนั่นเอง แพทย์จึงแนะนำให้ทำการตรวจวัดพังผืดในตับของผู้ป่วยที่เป็นโรคตับเรื้อรัง หรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะพังผืดสะสมในตับ ซึ่งเป็นการตรวจที่ไม่เจ็บปวดและไม่มีบาดแผลผ่าตัด
ประเภทของการตรวจวัดความแข็งของตับ
- การตรวจวัดความแข็งของตับด้วยการใช้เทคโนโลยีของระบบอัลตราซาวด์หรือที่เรียกว่า ไฟโบรสแกน (FibroScan®) เป็นการตรวจที่รวดเร็ว ไม่เจ็บปวด โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการวัดระดับพังผืดหรือความแข็งของเนื้อตับ รวมทั้งวัดปริมาณไขมันในเนื้อตับได้ในคราวเดียวกัน
- การตรวจวัดพังผืดของตับด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic resonance elastography: MRE) เป็นการตรวจวัดด้วยเครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) ร่วมกับคลื่นกล สามารถวัดปริมาณไขมันในเนื้อตับได้ด้วยเทคโนโลยี MR fat quantification
จุดประสงค์ของการตรวจวัดพังผืดของตับ
- เพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคตับแข็ง มะเร็งตับ ตับวาย และภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร
- เพื่อประกอบการตัดสินใจในการให้ยารักษาโรคตับอักเสบเรื้อรังชนิดต่าง ๆ
- เพื่อตรวจสอบการตอบสนองของตับต่อการรักษา
- เพื่อวินิจฉัยโรคไขมันคั่งตับ เนื่องจากตัวเครื่องสามารถวัดทั้งพังผืดและไขมันในเนื้อตับได้ในเวลาเดียวกัน
ขั้นตอนของการตรวจวัดพังผืดของตับด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ก่อนเข้ารับการตรวจ
แพทย์จะแจ้งวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ
- งดรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่มีปริมาณน้ำตาลสูงเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการตรวจ เนื่องจากอาหารและน้ำตาลจะทำให้ผลการตรวจคลาดเคลื่อน
- ก่อนเข้ารับการตรวจจะต้องถอดเครื่องประดับและอุปกรณ์ใด ๆ เช่น นาฬิกาข้อมือ แหวนแต่งงาน ต่างหู เครื่องช่วยฟัง หรือฟันปลอม
- ผู้เข้ารับการตรวจจะต้องแจ้งนักรังสีวิทยาหากมีอุปกรณ์โลหะในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ ICD หรือ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ pacemaker เพื่อทำการตรวจเช็คว่าเป็นอุปกรณ์รุ่นที่สามารถเข้าเครื่อง MRI ได้ปลอดภัย
- ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ไม่ควรทำการตรวจวินิฉัยด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ระหว่างการตรวจ
เนื่องจากขณะตรวจด้วยเครื่องตรวจ MRI จะมีเสียงที่ค่อนข้างดังเป็นระยะๆในระหว่างการตรวจ เจ้าหน้าที่จะให้ที่อุดหู (earplugs) แก่ผู้เข้ารับการตรวจ โดยผู้เข้ารับการตรวจจะนอนหงายบนเตียงที่เคลื่อนที่ได้ เตียงจะค่อย ๆเลื่อนเข้าไปในเครื่อง MRI ซึ่งส่งคลื่นกลและคลื่นวิทยุ ในสนามแม่เหล็กไฟฟ้าไปที่ตับ เพื่อตรวจประเมินพังผืดหรือความแข็งของตับ เจ้าหน้าที่อาจขอให้ผู้เข้ารับการตรวจกลั้นหายใจเป็นเวลาสั้น ๆ เป็นครั้งคราว เพื่อให้ได้ภาพการตรวจที่ชัดเจนและแม่นยำ
หลังเข้ารับการตรวจ
รังสีแพทย์จะรวบรวมและส่งข้อมูลไปยังแพทย์ที่ส่งตรวจซึ่งจะเป็นผู้อธิบายผลการตรวจให้ผู้เข้ารับการตรวจทราบ เทคโนโลยีการตรวจวัดความแข็งของตับมีความแม่นยําสูง ภาพที่ถูกสร้างขึ้นสามารถแสดงระดับพังผืดทั่วทั้งตับได้
โดยระดับพังผืดในตับอยู่ระหว่าง F0 ถึง F4
- F0 ถึง F1: ไม่มีพังผืดหรือมีเพียงเล็กน้อย
- F2: มีพังผืดระดับกลาง
- F3: มีพังผืดระดับรุนแรง
- F4: โรคตับแข็ง