เลือกหัวข้อที่อ่าน
- ผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธีโมหส์ คืออะไร?
- ทำไมต้องผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Surgery?
- มะเร็งผิวหนัง มีสาเหตุจากอะไร?
- ผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Surgery รักษาโรคอะไร?
- ลักษณะ อาการมะเร็งผิวหนัง ที่รักษาได้ด้วยวิธี Mohs Surgery
- ใครที่ควรรักษามะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Surgery?
- การวินิจฉัยมะเร็งผิวหนังก่อนการรักษาด้วยวิธี Mohs Surgery มีขั้นตอนอย่างไร?
- การผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Surgery มีวิธีการอย่างไร?
- การผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Surgery รพ.เมดพาร์ค
ผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธีโมหส์ (Mohs Surgery)
การผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธีโมหส์ (Mohs surgery) คือ วิธีการรักษาโรคมะเร็งผิวหนังด้วยเทคนิคการผ่าตัดเฉพาะบริเวณมะเร็งผิวหนังและขอบรอบรอยโรคออกเป็นชั้นบาง ๆ ทีละชั้น และนำส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วยกล้องจุลทรรศน์ หากผลการตรวจยืนยันโรคมะเร็งผิวหนัง แพทย์จะทำการผ่าตัดผิวหนังซ้ำในชั้นที่ลึกขึ้นและส่งตรวจจนกว่าจะไม่พบมะเร็ง เทคนิคการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งผิวหนังออกได้ทั้งหมด ช่วยรักษาเนื้อเยื่อผิวหนังปกติเอาไว้ได้มากที่สุด และเป็นวิธีการรักษามะเร็งผิวหนังที่มีอัตราการหายขาดจากโรคมากที่สุด
ทำไมต้องผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Surgery?
ในอดีต แพทย์จะรักษามะเร็งผิวหนังด้วยวิธีการผ่าตัดเฉพาะส่วนที่เป็นมะเร็งผิวหนังออกไปในแนวตั้งเป็นบริเวณกว้าง โดยไม่ได้วินิจฉัยถึงขอบเขตการกระจายตัวสู่เนื้อเยื่อใกล้เคียงบริเวณใต้ผิวหนังชั้นลึกในแนวนอน รวมถึงขอบรอบรอยโรคนอกเหนือจากผิวหนังชั้นบนที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดใหญ่ และอาจทำให้ไม่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งออกได้ทั้งหมดจากการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว และทำให้ผู้รับการรักษากลับมาเป็นมะเร็งซ้ำ
ในภายหลัง ศัลยแพทย์ชาวอเมริกัน Fredric E Mohs จึงคิดค้นเทคนิคการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Micrographic Surgery (MMS) ซึ่งเป็นวิธีการผ่าตัดเนื้อเยื่อและขอบรอบรอยโรคในแนวนอน ทั้งด้านกว้างและด้านลึกออกเป็นชั้นบาง ๆ และนำมาตรวจหาเซลล์มะเร็งด้วยกล้องจุลทรรศน์ในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ โดยหากผลการตรวจพบเป็นเซลล์มะเร็ง แพทย์จะทำการผ่าตัดผิวหนังซ้ำในชั้นที่ลึกลงไป จนกว่าผลการตรวจจะเป็นลบ หรือไม่พบเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่ วิธีการนี้ ช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้อย่างทันท่วงที และช่วยรักษามะเร็งผิวหนังระยะแรกเริ่มให้หายขาดได้ถึงร้อยละ 99 และมีแผลผ่าตัดที่มีขนาดเล็กมาก ทั้งนี้ หากแพทย์ตรวจพบเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่น แพทย์จะพิจารณาการรักษาอื่น ๆ ร่วม เช่น การให้ยา เคมีบำบัด หรือการฉายแสง
มะเร็งผิวหนัง มีสาเหตุจากอะไร?
มะเร็งผิวหนังมีสาเหตุเกิดจากปัจจัยทางกรรมพันธุ์ และสิ่งแวดล้อม ดังนี้
- การตากแดดบ่อย ๆ เป็นเวลานาน การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตทั้ง UVA และ UVB ในปริมาณมาก
- สารเคมีบางชนิด เช่น สารหนูที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำที่ใช้อุปโภค บริโภค
- มีประวัติการได้รับการฉายรังสีรักษามาก่อน
- มีประวัติเป็นผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น การติดเชื้อ HIV หรือการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ
- การทานยากดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง
- แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกที่พัฒนากลายเป็นมะเร็ง
- กรรมพันธุ์ มีประวัติบุคคลในครอบครัวเดียวกันเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง
- เป็นผู้ที่มีผิวขาวซีด หรือคนเผือก
การผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Surgery รักษาโรคอะไร?
- มะเร็งผิวหนังมะเร็งชนิดเบซัลเซลล์ (Basal cell carcinomas: BCCs)
- มะเร็งผิวหนังชนิดสแควมัสเซลล์ (Squamous cell carcinomas: SCCs)
- มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา (Melanoma)
- มะเร็งผิวหนังชนิดอื่น ๆ เช่น
- มะเร็งผิวหนัง Dermatofibrosarcoma protuberans (DFSP)
- มะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ผิวหนัง (Cutaneous lymphomas)
- มะเร็งเซลล์ Merkel (Merkel cell carcinoma: MCC)
ลักษณะ อาการมะเร็งผิวหนัง ที่รักษาได้ด้วยวิธี Mohs Surgery
- มะเร็งผิวหนังบริเวณตา จมูก ปาก หู หนังศีรษะ หรืออวัยวะเพศ
- มะเร็งผิวหนังในระยะแรกเริ่ม
- มะเร็งผิวหนังที่กลับมาเป็นซ้ำ
- มะเร็งผิวหนังที่เจริญเติบโตและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว รุนแรง
- มะเร็งผิวหนังที่ไม่มีขอบเขตชัดเจน
- มะเร็งผิวหนังที่เกิดขึ้นบนแผลเป็น
- มะเร็งผิวหนังที่ตัดออกไม่หมดหลังวิธีการผ่าตัดแบบธรรมดา
ใครที่ควรรักษามะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Surgery?
- ผู้ที่มีผื่น ตุ่ม หรือก้อนที่ผิวหนังที่มีขนาดหรือรูปร่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
- ผู้ที่มีผื่น ตุ่ม หรือก้อนที่ผิวหนังที่เกิดขึ้นใหม่และไม่หายไปภายใน 4-6 สัปดาห์
- ผู้ที่มีผื่น ตุ่ม หรือก้อนแข็ง ๆ ผิวขรุขระ หรือแผลตกสะเก็ดแข็งขรุขระคล้ายหูด
- ผู้ที่มีตุ่มเนื้อสีชมพู แดง ผิวเรียบมัน มีเส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ กระจายบริเวณตุ่มเนื้อ
- ผู้ที่มีตุ่มเนื้อสีชมพู แดง แข็ง ๆ ด้านบนอาจเป็นขุยหรือตกสะเก็ด มีเลือดออก และค่อย ๆ ขยายขนาดใหญ่ขึ้น
- ผู้ที่มีไฝ ปาน หรือขี้แมลงวันที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีสี ขนาด หรือรูปร่างที่เปลี่ยนไป
- ผู้ที่มีไฝ ปาน หรือขี้แมลงวันที่มีอาการคันและแตกเป็นแผล และมีเลือดไหลซึม
- ผู้ที่มีไฝ ปาน หรือขี้แมลงวันขึ้นบนศีรษะ ใบหน้า ตา หู จมูก ลำคอ นิ้วมือ นิ้วเท้า หรืออวัยวะเพศ
- ผู้ที่มีแผลเรื้อรังไม่หายภายใน 4 สัปดาห์
การวินิจฉัยมะเร็งผิวหนังก่อนการรักษาด้วยวิธี Mohs Surgery มีขั้นตอนอย่างไร?
แพทย์ผิวหนังจะทำการตรวจวินิจฉัยมะเร็งผิวหนังด้วยการสอบถามอาการ และตรวจร่างกายบริเวณที่พบตุ่มเนื้อ ก้อนเนื้อ ไฝ ปาน หรือผิวหนังที่พบความผิดปกติและเนื้อเยื่อโดยรอบ รวมถึงการซักประวัติ ดังนี้
การซักประวัติ
- สอบถามระยะเวลาที่พบผิวหนังผิดปกติ ความเร็วในการเจริญเติบโต สี ขนาด รูปร่าง อาการ มีเลือดไหลซึมหรือไม่
- ประวัติทางการแพทย์ โรคประจำตัว ยารักษาโรครวมถึงอาหารเสริมที่ทานเป็นประจำ
- ประวัติบุคคลในครอบครัวเดียวกันเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง
- อาชีพการงาน กิจกรรมที่ชอบทำ ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต
การตรวจชิ้นเนื้อ
แพทย์จะทำการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อผิวหนังที่พบความผิดปกติ และส่งตรวจทางพยาธิวิทยาในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ เพื่อวินิจฉัยชิ้นเนื้อว่าเป็นเซลล์มะเร็งผิวหนังหรือไม่ เป็นมะเร็งชนิดใด และอยู่ในระยะไหน
ทางเลือกในการรักษา
แพทย์จะแจ้งผลการตรวจวินิจฉัยให้ทราบ และอธิบายทางเลือกในการรักษา เช่น การให้ยาและ/หรือร่วมกับการรักษา ดังนี้
- การขูดและจี้ด้วยไฟฟ้า ในรอยโรคมีขนาดเล็กกว่า 2 เซนติเมตร เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
- การจี้เย็นด้วยไนโตรเจนเหลว เพื่อหยุดการแบ่งตัวของเซลล์เนื้อร้าย และสร้างเซลล์ผิวใหม่
- การผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธีโมหส์ (MMS) โดยการผ่าตัดชั้นผิวหนังมะเร็งและขอบรอบรอยโรคออกทีละชั้นและส่งตรวจจนกว่าจะไม่พบเซลล์มะเร็ง
การผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Surgery มีวิธีการอย่างไร?
การผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธีโมหส์ (Mohs Micrographic Surgery: MMS) รพ.เมดพาร์ค ใช้มาตรฐานสากล (Gold standard) ในการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งผิวหนังด้วยวิธีการผ่าตัดแบบ Mohs โดยศัลยแพทย์ผิวหนังที่มีความชำนาญเฉพาะทางที่ได้รับการฝึกทักษะเฉพาะ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสัมฤทธิ์ผลในการรักษาเป็นสำคัญ โดยการผ่าตัดจะใช้เวลาไม่เกิน 1 วัน และสามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นโดยไม่ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs
- ก่อนการผ่าตัด 1 สัปดาห์ แพทย์จะขอให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดงดยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือด เช่น ยา Aspirin ยา Ibuprofen ยา Naproxen หรือ ยา Plavix
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว ทานยารักษาโรคประจำตัว ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) *ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ในวันก่อนผ่าตัด และในวันผ่าตัด
- รับประทานอาหารที่ย่อยง่ายในวันก่อนผ่าตัด และในวันผ่าตัด
- พักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนวันผ่าตัด
ขั้นตอนการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs
- เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อธิบายขั้นตอนการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs และมอบเอกสารยินยอมเข้ารับการผ่าตัด
- แพทย์ผิวหนังอาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะก่อนการผ่าตัด สำหรับผู้เข้ารับการผ่าตัดบางราย
- พยาบาลทำความสะอาดร่างกายบริเวณที่ทำการผ่าตัด และทายาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ศัลยแพทย์ผิวหนังทำการมาร์คจุดบริเวณมะเร็งผิวหนังและขอบรอบรอยโรคที่จะทำการผ่าตัดทั้งด้านซ้าย-ขวา ด้านบน-ล่าง
- ศัลยแพทย์ผิวหนังฉีดยาชาเฉพาะจุดบริเวณมะเร็งผิวหนังที่ทำการผ่าตัด และขอบรอบรอยโรค
- ศัลยแพทย์ผิวหนังทำการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังออกด้วยวิธี Mohs โดยรวมถึงส่วนที่นูนของเนื้องอกและขอบรอบรอยโรคในแนวนอน ทั้งด้านกว้างและด้านลึกให้เป็นชั้นบาง ๆ ลึกประมาณ 45 องศา ตามขนาด และรูปร่างที่ได้ทำการมาร์คเอาไว้ โดยรักษาเนื้อเยื่อชั้นผิวหนังปกติเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
- ศัลยแพทย์ผิวหนังนำชั้นเนื้อเยื่อผิวหนังที่ถูกตัดออกส่งตรวจยังห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ทันที โดยพยาธิแพทย์จะใช้เวลาในการตรวจวิเคราะห์ชิ้นเนื้อไม่เกิน 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับพยาธิสภาพของชิ้นเนื้อของแต่ละบุคคล
- พยาธิแพทย์ตรวจดูบริเวณแผลผ่าตัดทั้งขอบด้านลึกและขอบด้านนอกอย่างละเอียดด้วยกล้องจุลทรรศน์
- หากผลการตรวจชั้นเนื้อเยื่อยืนยันโรคมะเร็งผิวหนังที่รอยตัด ศัลยแพทย์ผิวหนังจะทำการตัดชั้นเนื้อเยื่อผิวหนังซ้ำในชั้นที่ลึกขึ้น และนำส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการจนกว่าจะไม่พบเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่ที่บริเวณรอยโรคนั้น
หลังเสร็จสิ้นการผ่าตัด ศัลยแพทย์ผิวหนังจะพิจารณาวิธีการปิดแผล เช่น การเย็บแผล การปลูกถ่ายผิวหนังส่วนอื่นบนแผล หรือการปิดแผลด้วยผ้าปิดแผลเพื่อให้แผลหายเองตามธรรมชาติโดยไม่ต้องเย็บ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาด ความกว้าง ความลึก และตำแหน่งของแผลของแต่ละบุคคล
ขั้นตอนหลังการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs
- ในกรณีที่ไม่เย็บแผล หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือ (Normal saline) เช็ดแผลให้แห้ง และทายาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่งเช้า- เย็น เพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อและช่วยให้แผลหายเร็ว
- ในกรณีที่เย็บแผล หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำจนถึงวันตัดไหม หากแผลหรือผ้าปิดแผลเปียกน้ำ ค่อย ๆ แกะผ้าปิดแผลออก เช็ดแผลให้แห้ง และเปลี่ยนผ้าปิดแผลใหม่
- ถ้ามีเลือดไหลออกจากแผล ให้ใช้ผ้าสะอาดกดแผลประมาณ 20 นาทีเพื่อห้ามเลือด หากเลือดไม่หยุดไหลให้พบแพทย์เพื่อตรวจอาการ
- หากมีอาการผิดปกติที่แผล เช่น มีเลือดไหลออกมาก แผลบวมช้ำ ปวดบวม หรือมีหนองไหล ให้พบแพทย์เพื่อตรวจอาการ
- หากมีอาการปวดแผลมาก ให้ทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่งทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง *ยกเว้น Aspirin
- มาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อประเมินผลหลังการรักษา หลังจากนั้นแพทย์จะทำนัดเพื่อติดตามอาการทุก ๆ ปีเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำ
- หากมีผื่น ตุ่มเนื้อ หรือก้อนเนื้อ ไฝ หรือปาน หรือความผิดปกติใด ๆ ที่รอยโรคเดิม ให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจอาการโดยเร็ว
การดูแลตนเอง หลังการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Surgery
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน 20-30 นาที และควรทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันรังสี UVA และ UVB
- หลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางแสงแดดร้อนแรง โดยเฉพาะในช่วงเวลา 9.00-17.00 น. ที่อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้กลับมาเป็นมะเร็งผิวหนังซ้ำ
- สวมเสื้อผ้าปกปิดผิวให้มิดชิดจากแสงแดด สวมหมวก หรือกางร่มเพื่อไม่ให้เผชิญกับแสงแดดโดยตรง
- เลิกสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงฝุ่นควัน มลภาวะอันเป็นพิษ ควันบุหรี่มือสอง
- ทานผัก ผลไม้ อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- หมั่นสังเกตผิวของตนเองเป็นประจำ หากพบความผิดปกติให้รีบพบแพทย์
ความเสี่ยงจากการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Surgery
ความเสี่ยงจากการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs surgery ได้แก่ การมีเลือดออกมาก ห้อเลือด บวมช้ำใต้ผิวหนัง เจ็บแผล หรือการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับอัตราการช่วยให้หายขาดจากโรคสูง การรักษามะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs surgery ถือเป็นวิธีการรักษามะเร็งผิวหนังที่มีประสิทธิภาพมาก มีความปลอดภัยสูง และลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำได้เป็นอย่างดี
ข้อดีของการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Surgery คืออะไร?
- มีอัตราการหายขาดจากโรคมะเร็งผิวหนังสูงสุดถึงร้อยละ 99 สำหรับผู้ที่เป็นโรคมะเร็งผิวหนังครั้งแรก
- มีอัตราการหายขาดจากโรคมะเร็งผิวหนังสูงสุดถึงร้อยละ 94 ในผู้ที่กลับมาเป็นซ้ำ
- เป็นการรักษาที่ให้ผลการรักษาที่ดีทั้งมะเร็งเบซัลเซลล์ สแควมัสเซลล์ เมลาโนมาบางชนิด และไม่ใช่เมลาโนมา
- เป็นการรักษามะเร็งผิวหนังที่ขึ้นบนจุดสำคัญที่มีความบอบบาง เช่น ใบหน้า ตา หู จมูก ลำคอ นิ้วมือ นิ้วเท้า หรืออวัยวะเพศ
- เป็นการผ่าตัดด้วยเทคนิคแผลเล็ก เจ็บน้อย หายไว และมีแผลผ่าตัดที่มีขนาดเล็กมาก
- ช่วยรักษาเนื้อเยื่อชั้นผิวหนังตามธรรมชาติเอาไว้ได้มากที่สุด
- ช่วยลดอัตราการกลับมาเป็นมะเร็งผิวหนังซ้ำได้มากที่สุด
- ระยะเวลาในการผ่าตัดสั้นเพียง 5-10 นาทีในแต่ละรอบ และใช้เวลาในการรอผลการตรวจชิ้นเนื้อไม่เกิน 1 ชั่วโมง
- เป็นการรักษาที่เสร็จสิ้นภายในวันเดียว โดยไม่ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล
การผ่าตัดมะเร็งผิวหนังด้วยวิธี Mohs Surgery รพ.เมดพาร์ค
ศูนย์ผิวหนัง ความงาม และเส้นผม รพ.เมดพาร์ค นำโดยทีมแพทย์ และศัลยแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการด้านโรคผิวหนังและมะเร็งผิวหนังที่มีประสบการณ์และความพร้อมในการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งผิวหนังทุกชนิดที่มีความยากและซับซ้อนด้วยวิธี Mohs Surgery และวิธีการอื่น ๆ โดยใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่ทันสมัย ผสานเทคนิคการผ่าตัดเฉพาะทางขั้นสูงที่มีความรวดเร็ว แม่นยำ ปลอดภัย ช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้การติดตามประเมินผลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยลดภาวะแทรกซ้อน ช่วยให้แผลหายไว และช่วยให้ผู้รับการรักษามีโอกาสหายขาดจากโรคมะเร็งผิวหนังได้อย่างถาวร
ห้องปฏิบัติการพยาธิวิทยา รพ. เมดพาร์ค
ห้องปฏิบัติการพยาธิวิทยา (Clinical Pathology Lab) รพ.เมดพาร์ค เป็นห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ISO 15189 และ ISO 15190 นำโดยทีมนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีประสบการณ์ พร้อมด้วยอุปกรณ์การแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาตรฐานสากล ช่วยให้การตรวจวิเคราะห์ชิ้นเนื้อมีความถูกต้อง รวดเร็ว แม่นยำ ช่วยให้ทราบผลการตรวจชิ้นเนื้อได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ร่นระยะเวลาการฟังผล ไม่ต้องส่งตรวจต่อยังห้องปฏิบัติการอื่น ช่วยให้กระบวนการวินิจฉัยโรคและการพยากรณ์โรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว และช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้อย่างทันท่วงที